[รักคนเสื้อแดง] ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ชอบ "การุณ โหสกุล"

ความไม่ชอบของผมมันเกิดจากอคติที่เป็นจริตส่วนตัว ในอดีตนายการุณมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีผ่านกระบวนการรับรู้ อยู่ในระดับขั้นที่เรียกว่าแย่เอามากๆ เรียกสั้นคือ "เลว" นั่นเป็นเพียงแค่ภูมิหลังของนายการุณที่ผมได้รู้จักผ่านสื่อ และเพื่อนสมาชิกหลายท่านก็คงมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างกับผมเท่าใดนักในยามนั้นและยามนี้

แต่ถ้าแยกความรู้สึกนึกคิดส่วนตัว ทิ้งอคติที่เกิดจากจริต และมองนายการุณในฐานะผู้แทนราษฎรที่ปฏิบัติการในฐานะสส.เข้าเจรจากับชาวบ้านในพื้นที่ของตนเอง และทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับศปภ. ในฐานะตัวแทนที่ใช้หลักการเจรจา การคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้รุนแรงในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นเรื่องของการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

การผ่อนผันให้มีการเปิดบิ๊กแบ็คโดยที่ไม่ได้เป็นมติของศปภ. ผมถือว่าได้นายการุณได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความหยืดหยุ่นในฐานะผู้แทนของชาวบ้านและผู้แทนของศปภ. การชะลอไม่ให้เหตุการณ์บานปลายเกินควบคุม ผมถือว่านายการุณทำหน้าที่ตัวแทนได้ดีที่สุดแล้ว

และเมื่อถึงที่สุด ศปภ.มีมติไม่ให้รื้อบิ๊กแบ๊คเป็นที่ชัดเจน ด้วยศักยภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ การุณ มองด้วยใจเป็นธรรม "ย้ำผู้ชายคนเดียวที่ทำหน้าที่เจรจา" ผมจึงมองเรื่องดังกล่าวมันเป็นเรื่องที่เกินกำลัง เกินขีดความสามารถของนายการุณ ลำพังแค่นายการุณขี่เจ็ตสกีแล้วมีเรื่องกับชาวบ้าน 3-4 คน นายการุณยังถูกชาวบ้านต่อยปากฉีก

เรื่องการเจรจากับมวลชนทีมีนับร้อย ต่อให้ 10 แทนคุณ 100 อภิสิทธิ์มาเจรจาเอง โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมาให้การสนับสนุนและคุ้มครองด้วยแล้ว ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น มันก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ หรือถ้าแทนคุณและอภิสิทธิ์คิดว่าทำได้ดีกว่านี้ ผมก็ขอร้องให้แทนคุณและอภิสิทธิ์เสนอตัวเองเข้าเจรจา "อาสาคนไทย" ช่วยคนกรุงเทพไม่ให้คนดอนเมืองรื้อบิ๊กแบ๊ค ตามแนวทางการเมืองที่สร้างสรรค์ที่อภิสิทธิ์เคยพูดไว้ว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการทำงานกับศปภ.หรือรัฐบาลอย่างเต็มที่

ดังนั้นการบริหารจัดการมวลชนที่มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง การจัดการแก้ไขสถานการณ์จึงต้องอาศัยกฎหมายเข้ามาเพื่อควบคุมสถานการณ์ ถ้าดูตามโครงสร้างศปภ.เป็นผู้บริหารในภาพรวมและเป็นผู้สนับสนุนกทม.ในฐานะที่กทม.เป็นผู้ปฏิบัติการและรับผิดชอบพื้นที่โดยตรงก็เท่านั้น

มันไม่มีหรอกครับ เก่งหักยิ่งลักษณ์ ศปภ.โยนขี้ ยิ่งลักษณ์ล้มเหลว เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด แต่มันเป็นไปตามเทคนิคขั้นตอนที่ต้องเริ่มต้นจากการเจรจา ไปสู่ใช้กฎหมายเข้าจัดการ และอาจมีการใช้กำลังเข้าจับกุม ถ้าหากสถานการณ์พัฒนาไปสู่การใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น

สรุป เรื่องนี้ ถ้าว่ากันด้วยจริตที่เป็นเรื่องของความรักความชอบที่ว่าด้วยเรื่องอคติและเสน่หา คนเราถ้าใครที่เราไม่ชอบหน้ามาทำอะไร มันก็จะดูขวางหูขวางตา ทำผิดไปหมด แต่ถ้ารู้จักแยกแยะ เรื่องใดเป็นเรื่องจริตส่วนตัว เรื่องใดเป็นเรื่องที่ว่ากันด้วยหน้าที่ เรื่องแค่นี้มันมองกันไม่ยากเลย

แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 15:22:58

แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 15:19:20

แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 15:06:05

จากคุณ	: สิงห์สนามหลวง
เขียนเมื่อ	: 14 พ.ย. 54 15:02:35 A:115.87.223.179 X: