ในฐานะคน กทม.ก่อนอื่นต้องบอกว่า ในบรรดาผู้ว่า กทม.ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ว่าคนนี้ก็ดูดีที่สุด......แม้ในตอนแรกการทำงานของ กทม.กับรัฐบาลดูจะไม่สอดคล้องกันเท่าไร
แต่ระยะหลังในขณะที่ นายกยิ่งลักษณ์ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับได้นอน
จนซูบผอมและสิวขึ้นหน้า เราก็เห็นท่านผู้ว่า กทม. หน้าดำคร่ำเครียด ท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน
ทั้งสองท่าน เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อน ก็ต้องก่นด่านายกรัฐมนตรี
หรือไม่ก็ผู้ว่ากทม .(คนกทม.ที่เดือดร้อนพร้อมที่จะชี้ไปที่ ผู้ว่า กทม. ทันที)
อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่เข้าใจจิตใจผู้อื่นมากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้
ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาของนายกรัฐมนตรี หรือน้ำตาของผู้ว่ากทม. เราก็รู้สึกเห็นใจไม่แตกต่างกัน
เพราะรู้ว่า ทั้งสองท่านคงต้องเหนื่อย คงต้องทำงานหนัก คงต้องรับภาระและกดดันกับความขัดแย้ง
ของประชาชนแต่ละเขตที่อยู่ติดกัน ต่างก็ไม่พอใจที่น้ำท่วมเขตของตนมากกว่าเขตที่ติดกัน
การกั้นกระสอบทราย บิ๊กแบ๊ก จึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ฝ่ายทางการเอากระสอบทรายไปวาง
ชาวบ้านก็พร้อมที่จะแอบรื้อ แอบเจาะ หรือไม่ก็ชุมนุมกดดันให้เอาออก เพราะคิดว่าจะทำให้น้ำท่วม
เขตของตนน้อยลง เป็นต้น..........
ที่บอกว่าเห็นใจผู้ว่า กทมฯ เพราะเขาเป็นผู้ว่าที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ฯ ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าพรรคนี้ มีความจริงใจแค่ไหน กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ปากบอกว่าอย่าเล่นการเมืองในสภาวะวิกฤติแต่พฤติกรรมกับตรงกันข้าม...ผู้ว่ากทม. โดยหน้าที่ต้องช่วยเหลือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (ซึ่งเป็นพรรคตรงข้ามกับพรรคของตน) เพราะฉะนั้น เขาจึงอยู่ตรงกลาง ระหว่าง สองพรรค และต้องตัดสินใจ
บางอย่างอาจไม่เป็นตามความต้องการของพรรคปชป.แต่เมื่อทำตามกุศโลบายของพรรคปชป. ก็อาจขัดแย้งกับแนวทางของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่หากไม่ทำตามรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้เป็นไปโดยเอกภาพ เพื่อให้สอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกันกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ดังนั้น เขาอาจอยู่ในสถานภาพที่กลืนไม่เข้า คลายไม่ออก และไม่อาจบอกใครก็ได้ นี่คือสภาวะของความกดกันที่ต้องแบกรับไว้ในใจ.....
อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อมั่นว่า โดยพฤติกรรมและแนวการทำงานของ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น เธอไม่เคยที่จะโยนความผิดไปให้ กทม. หรือผู้ว่า กทม.แม้แต่น้อย สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกทม.และของจังหวัดต่างๆ แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันกับเหตุการณ์มากกว่า
การที่พรรคปชป.อ้างว่า นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลต้องการโยนความผิดไปให้ผู้ว่ากทม.นั้น สิ่งที่เรามองเห็นกลับตรงข้าม คนที่เล่นการเมือง พวกบ่างช่างยุ พวกใช้โอกาสเอาวิกฤติและความเดือดร้อนของชาวบ้าน มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง นั้นคือพรรค ปชป.โดยแท้จริง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การปล่อยข่าวลือ ข่าวเท็จ ข่าวทำลายล้างรัฐบาลทุกวิถีทางที่มาจากสังคม Online / Social Network ตลอดจนสื่อมวลชน ที่มีผลประโยชน์เกื้อกูลกัน กับฐานอำนาจเก่า และแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง