ปกติทวดเองจะหยุดเรื่องการเมืองในวันหยุด เพราะต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าราชดำเนินในช่วงทุกๆวันหยุด เลยไม่รู้ข่าวสารอะไรเลย จนกระทั่งวันจันทร์ และวันจันทร์นี้ พอทวดเองเปิดเข้ามาดูราชดำเนินอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ทวดเองรู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าคนแก่คนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองเริ่มไร้ประโยชน์ เริ่มคิดว่าตัวเองไม่มีใครใส่ใจ บางครั้งยังรู้สึกสะท้อนกับชีวิตที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
แต่วันนี้ทวดเองกลับพบว่า อย่างน้อยทวดเองยังมีมิตรต่างวัย มิตรวัยเดียวกัน มิตรต่างเพศ ที่คอยห่วงใย คอยตักเตือน คอนแนะนำอย่างคุณสายพิณ คุณเพชน้ำนิล คุณรังสรรค์ คุณมูลมัง คุณ jiju คุณย่าแจ๊คกี้ คุณทองรำไร คุณ hang aroud รวมทั้งที่ขาดเสียมิได้ก็คือคุณปู่อภิวัฒน์ และอีกหลายๆท่านที่ทวดเองต้องขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนาม เพียงแต่ทวดเองรู้สึกไม่กล้ารับที่ทุกท่านที่เอ่ยนามนำทวดเองไปเปรียบกับผู้กล้าหลายๆท่าน เพราะทวดเองรู้ตัวเองว่า
ทวดเองไม่มีความรู้กว้างขวางอย่างคุณตระกองขวัญ ทวดเองไม่มีความแม่นข้อมูลอย่างคุณสิงห์สนามหลวง ทวดเองไม่มีวิธีเขียนที่เปี่ยมด้วยหลักวิชาการอย่างคุณพยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง ยิ่งไม่มีคารมคมคายอย่างหลายๆล๊อคอินที่ทวดเองพยายามลอกเลียนแบบอยู่
แต่สิ่งเดียวที่ทวดเองมีอยู่ก็คือสามัญสำนึก สำนึกที่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ดังนั้นทวดเองจึงได้นำตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกราชดำเนินแห่งนี้ เพื่อร่วมต่อสู้กับเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์ทั้งหลาย ต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความเท่าเทียม และร่วมปกป้องประชาธิปไตยที่พวกเรากำลังจะได้มา
หลายๆท่านมักเข้าใจว่าทวดเองเป็นคนสุภาพ ทวดเองคงต้องบอกตามตรงว่า ตัวตนที่แท้จริงของทวดเองนั้น ไม่ใช่คนสุภาพอย่างที่เขียนมาตลอด แต่ทวดเองที่ต้องสุภาพกับเพื่อนต่างความคิดเห็น เป็นเพราะทวดเองไม่ได้มองว่าเขาเหล่านั้นเป็นศัตรูแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ทวดเองมองก็แค่เห็นบุคคลที่หลงผิดเท่านั้นเอง บุคคลที่ยังไม่สามารถแยกแยะความถูกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเหล่านี้บางครั้งคงต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะเขาเหล่านั้นได้ถูกอคติฝังแน่นจนยากที่จะยอมรับในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วพยายามสร้างเกาะป้องกันตัวเอง ดังที่พวกเราได้เห็นอยู่บ่อย แม้กระทั่งคดีร้ายแรงระดับสากลที่ผู้ต้องหามีตัวตนอย่างชัดเจน นอกจากไม่ได้รับการลงโทษแล้ว ผู้ต้องหายังเดินลอยนวลอยู่ร่วมในสังคม พวกเขายังพยายามมองว่าเป็นเรื่องน่าหัวเราะ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเอ่ยอ้างถึง?
แต่เมื่อฟ้าใส เมื่อเขาได้ตะหนักแล้วว่า ฝ่ายที่เขาเห็นดีเห็นงามด้วยนั้น มันไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด ไม่ใช่คนซื่ออย่างที่เห็นและก็ไม่ใช่คนในอุดมคติอย่างที่ฝัน อาจทำให้ตาสว่างขึ้นบ้างก็ได้
แต่ที่ทวดเองต้องใช้เวลาแต่ละวันซึ่งก็มีอยู่น้อยนิด มาตั้งกระทู้ไม่ได้หวังมากมายถึงเพียงนั้น ที่ทวดเองต้องการกลับเป็นคนเยาว์วัยต่อการเมืองที่ได้เข้ามาเสาะหาความเป็นจริงในห้องนี้ ได้มีโอกาสมองหาข้อมูลอีกด้านไว้เปรียบเทียบต่างหาก
อยากให้เห็นการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมนั้นถูกต้องหรือไม่? อยากให้เห็นการให้ความศรัทธากับเหล่าคณะปฏิวัติเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยหรือ? อยากให้เห็นถึงการหาผลประโยชน์กับการทำรัฐประหารคุ้มกับความเสียหายของชาติหรือไม่? อยากจะให้เห็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้นั้นดีกว่านักการเมืองตรงไหน? อยากจะให้เห็นถึงการร่วมมือกับเหล่าองค์กรอิสระทั้งหลาย ทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์หรือเปล่า? อยากจะให้เห็นถึงความไม่ละอายที่ใช้ขบวนการต่างๆแย่งชิงอำนาจของประชาชน อยากจะให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร้มาตรฐาน จนทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อยากจะให้เห็นถึงการสุมหัวกันของเหล่าที่อ้างตัวเป็นคนดี เหล่าสื่อสารมวลชน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าคณาจารย์ทั้งหลาย แล้วพากันเหยียบย่ำประชาธิปไตย เพียงเพื่อให้ได้อำนาจและผลประโยชน์ส่วนตน และสุดท้ายอยากจะให้รับรู้ว่าสังคมประชาธิปไตยที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่มีหรอกที่จะใช้อาวุธสงครามในการปราบปรามประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ แล้วยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งได้
สิ่งเหล่านี้ต่างหากครับที่ทวดเองอยากจะให้สังคมได้แลเห็น อยากจะให้สังคมอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ห็นดีเห็นงามกับความบิดเบี้ยวต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีนั้น ที่แท้เป็นเพียงการแย่งชิงอำนาจของประชาชนไปประเคนให้กับเหล่าเผด็จการในคราบของประชาธิปไตย ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อของประเทศไปบำรุงบำเรอความสุขในกลุ่มเฉพาะตนเท่านั้น ส่วนคนส่วนใหญ่ของประเทศกลับต้องผจญกับความยากจนตลอดจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นตราบใดที่เรายังไม่ได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตราบใดที่เรายังไม่ได้รับความเท่าเทียมทางการเมือง ตราบใดที่กฎหมายไทยยังคงใช้ได้กับคนเพียงบางกลุ่ม ตราบใดที่ประเทศยังมีกลุ่มอภิสิทธิ์ชน และตราบใดที่ประชาชนในแผ่นดินนี้ ยังไม่สามารถปกครองประเทศได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง ตราบนั้นทวดเองก็จะยืนหยัดต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะหมดแรงสู้ และถึงแม้จะนอนแบบอยู่ก็ตาม ทวดเองคนนี้ก็ต้องให้ลูกหลานรับช่วงต่อไปให้ได้ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของทวดเอง จนกว่าจะได้เห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพ แล้วประชาจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเสียที
สุดท้ายก็คงต้องบอกพี่ๆน้องๆลูกๆหลานๆที่คอยให้ความห่วงใยทุกๆท่าน ทวดเองคงไม่มีอะไรกล่าวได้นอกจากคำว่า “ขอบคุณ”ในทุกความหวังดีครับ
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 54 10:02:44
A:27.130.141.251 X:
|
|
|
|