อภิสิทธิ์ :
และวันนี้พล.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.ก็ออกมายอมรับว่าเสียมารยาท ทั้งที่เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิด
กรณ์ :
ตอนสายๆ รัฐบาลปล่อยให้มีการรื้อบิ๊กแบ๊กที่ดอนเมืองโดยมีสส.และม็อบเกี่ยวข้องแล้วโยนบาปมาให้กทม.รับผิดชอบตอนสี่ทุ่มครึ่ง ถ้าจะบริหารแบบนี้รัฐบาลยุบศปภ.แล้วให้กทม.ทำทั้งหมดดีกว่าไหมครับหรือให้ทหารเขามาควบคุมก็ได้ อย่างนี้ประชาชนมีแต่แย่กับแย่
รองจากความคิดของหัวหน้าพรรคที่ตนเองสังกัดได้เคยเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินมาก่อนหน้านี้ ความคิด "Think Tank" คิดไม่ออกบอกรถถัง มีอะไรก็จะเรียกใช้แต่ทหารล่าสุดของนายกรณ์ ผมถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางความคิดที่แสดงความหมายได้ชัดเจนยิ่งของคนในระดับผู้นำที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่าน facebook อีกครั้ง
ประชาธิปไตยภายใต้ท้อปบู๊ต หรือ ดอกไม้บนปลายปืน นี่ล่ะคือสูตรสำเร็จที่คนไทยกลุ่มหนึ่งที่ผิดหวังในผลการเลือกตั้ง "ต้องการ" เป็นคำตอบสุดท้าย เปลี่ยนวิกฤตการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นโอกาส มองกองทัพเป็นเครื่องมือชิ้นแรกๆ ในการสร้างลัด เพื่อให้พรรคที่ตนเองสนับสนุนได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจตามที่ตนเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงหลักการและวิธีการเพื่อให้ได้มา
ถ้านักการเมืองมองการล้มล้างรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงวิธีการเป็นทางออก ประชาชนมองการทำรัฐประหารโดยไม่คำนึงถึงมติเสียงส่วนใหญ่เป็นทางเลือก ยึดจริตของเสียงส่วนน้อยที่เสียงดังเพราะมีเสียงปืนหนุนหลังเป็นใหญ่ ยึดเอาความถูกใจ ถูกจริต มาชี้วัดตัดสินอนาคตประเทศ ด้วยความคิดที่วิปริตเช่นนี้ มันจึงส่งผลให้ชาติไทยยังไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง
การที่นายกรณ์หรือใครก็ตามที่จินตนาการเห็นว่า อภิสิทธิ์เก่งเพราะจัดการคนเสื้อแดงได้ ทหารเจ๋งที่ทำการปราบคนเสื้อแดงได้ ศอฉ.เยี่ยมที่จับแกนนำผู้ก่อการร้ายเข้าคุกได้ สื่อยอดที่สร้างภาพเสื้อแดงเผาเมือง ยิงกันเองฆ่ากันเองได้ จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมามันเป็นความจริงที่โหดร้ายสำหรับพวกจิตวิปริต ยึดจริตเป็นที่ตั้ง รับความเป็นจริงไม่ได้ ว่าคนไทยส่วนใหญ่และคนทั่วโลก เขารู้ เขาเห็นอะไร
CNN ยกเหตุการณ์เสื้อแดงครองแชมป์เปลี่ยนโลก หลายประเทศมีการปฏิวัติโดยยึดเอาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นต้นแบบ แต่จริตชนยกกองทัพครองอำนาจเปลี่ยนประเทศไทย เอวังประเทศไทย
---
ผมขอวกกลับเข้าเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตามหลักการบริหารการจัดการของการทำงานเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ถ้าใครมีแนวคิดว่า "การสั่งการ" ของผู้มีอำนาจที่ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้าไปทำการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อคลี่คลายแก้ไขสถานการณ์เป็นการ "โยนบาป" ผมถือว่าคนที่มีความคิดนั้นถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำเรียนหรือไม่มีความรู้พื้นฐานการบริหารจัดการ ผมยังพอให้อภัยได้
แต่ถ้าเป็นคนที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "รัฐมนตรีคลังโลก" มีปริญญามาแปะฝาบ้านแล้วมีความคิดเช่นนี้ได้ คนๆ นั้นต้องมีอคติที่บัดซบ จริตจับจด มองโลกแคบ ขาดหลักการ ยึดหลักกู "คิดจะใช้กู ถ้าไม่เลือกใช้กูก่อน ก็อย่าใช้กูหลัง 4 ทุ่ม" แถมยังหางโผล่คำพูดคำจาที่แสดงออกมามันจึงส่อให้เห็น
- เจตนาในการเจาะจงเลือกใช้กำลังเข้าจัดการ ยกทหารให้เข้ามาควบคุม แบบไม่ลืมหูลืมตา
- เป็นการแสดงความเห็นที่ขาดสติ แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในปัญญาในการเลือกใช้เครื่องมือกลไลอื่นของรัฐเข้าแก้ไขปัญหา
- เป็นการแสดงความสะเพร่าทางความคิด นำเสนอความคิดโดยยึดอารมณ์นำหน้า การเมืองตามกระทืบซ้ำ
- เป็นการแสดงความประมาท ยกตนข่มท่าน กองทัพคือทางออก ท่านผู้ว่าเก่งอยู่คนเดียว ไม่รู้จักทีมเวิร์ค
- เป็นการแสดงความไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย สักแต่ขอให้ได้พูด เมื่อพูดแล้วก็พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น จากเนื้อหาข่าว
- 11 พ.ย. 54 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำภาพรวมระดับน้ำจะลดลงเกือบทุกพื้นที่ แต่ยังไม่พ้นวิกฤตเพราะยังมีน้ำใหม่ไหลเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวคันบิ๊กแบ๊กขณะนี้ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากพบว่ายังมีช่องโหว่อยู่ 3 จุด ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไข (ที่มาจิ้ม)
- 12 พ.ย. 54 การตั้งกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก สามารถช่วยชะลอการไหลของน้ำได้พอสมควร ที่ผ่านมามีปัญหาจุดฟันหลอ 3 จุด ซึ่งขณะนี้ได้เร่งดำเนินการเสร็จแล้ว 1 จุด แต่ยังเป็นห่วงประชาชนในหลายพื้นที่ที่มีความกังวลว่าการวางบิ๊กแบ็กอาจจะทำให้เดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และจะรื้อถุงกระสอบทราย หรือคันกั้นน้ำต่างๆ ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับกทม. โดยกทม. พร้อมหารือ กับ ศปภ. ว่าจะยังใช้บิ๊กแบ็กต่อไปหรือไม่ (ที่มาจิ้ม)
- 13พ.ย.2554 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ตนไม่ติดใจที่ประชาชนพื้นที่ดอนเมืองรื้อแนวคันกระสอบทรายขนาดยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) เพราะโดยปกติแนวบิ๊กแบ็กมีช่องว่างอยู่แล้ว 2 - 3 จุดทำให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่ โดยก่อนหน้านั้นได้ประสานให้แก้ไขจุดที่มีปัญหาแล้ว แต่หากมีการทำช่องระบายน้ำเพิ่มขอให้ประสานกทม. เพื่อให้มีการเตรียมตัวในการระบายน้ำไม่ให้กระทบกับพื้นที่ชุมชนหลังแนวบิ๊ก แบ็ก (ที่มาจิ้ม)
"แนวบิ๊กแบ็กเป็นสมบัติของกระทรวงคมนาคมเพื่อชะลอ และซื้อเวลาไม่ให้น้ำไหลท่วมพื้นที่ กทม. ส่วนการรื้นคันบิ๊กแบ็กเป็นการตัดสินใจของศปภ. ว่าจะทำอย่างไร ผมขอให้บอกกทม.ก่อน "
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 13 พ.ย. ที่มีปัญหา นายเก่งการุณที่มาในฐานะสส.อาสาตัวเองเป็นคนกลางเจรจาระหว่างมวลชนและศปภ. มีใครเคยเห็นหัวคนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือนักการเมืองที่เข้าไปนั่งทำงานรับตำแหน่งที่กทม.อาสาตัวเองเข้ามาเป็นคนกลางร่วมเจรจากับมวลชน เป็นตัวแทนให้กทม.บ้างครับ?
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจจริง อภิสิทธิ์มีความแน่วแน่ที่จะแก้ไข อาสาคนไทยช่วยน้ำท่วม ทำตามคำพูดเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ ปัญหามวลชนที่เกิดขึ้น มันไม่จำเป็นต้องคอยแต่จะพึ่งพาอาศัยคนในรัฐบาลอยู่ฝ่ายเดียว นักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำงานอยู่ที่กทม.ก็ทำได้ จะเป็นสส.ก็ดี ไม่ได้เป็นสส.ก็ดี แต่ขอให้เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำได้แล้ว
ในพื้นที่หนึ่งที่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง ในหมู่มวลชนย่อมปะปนไปด้วยผู้คนหลากหลาย เมื่อเกิดปัญหาเฉพาะหน้า มวลชนมีความต้องการรื้อแนวบิ๊กแบ๊คที่ศปภ.และกทม.ต้องดูแลรับผิดชอบร่วมกัน มันไม่ดีกว่าเหรอ ที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือกทม.จะส่งคนในสังกัดตนเองเข้าไปร่วมด้วยช่วยเจรจา มันไม่เพียงแค่ช่วยนายการุณเจรจา หรือช่วยศปภ.เจรจา แต่มันหมายถึงคุณได้ช่วยกทม.เจรจา ช่วยท่านผู้ว่าที่เป็นคนของพรรคท่านเจรจา
หลายคนย่อมมีกว่าหัวเดียว การที่มีนักการเมืองจากทุกฝ่ายช่วยกันทำการเจรจาเกลี้ยกล่อมมวลชน ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นภาพที่ผมอยากเห็น และถ้ามีบุญตาก็อยากจะเห็นสักครั้ง การที่มีนักการเมืองที่มวลชนศรัทธามาช่วยกันเจรจา มันก็จะช่วยทำให้การคลี่คลายแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการเจรจากับมวลชลที่หลากหลาย ทุกฝ่ายก็จะสามารถช่วยกันหาทางออกได้ง่ายง่ายขึ้น
การที่จะรีบด่วนสรุปออกมาปฏิเสธว่า การมีจุดยืนทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงข้ามกัน เพื่อไทยเปรียบเหมือนน้ำ ประชาธิปัตย์เปรียบเหมือนน้ำมัน การตั้งทีมทำงานเฉพาะหน้าร่วมกัน โดยที่ไม่มีการประสานงานกันมาก่อน มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นภาพที่เราสร้างกำแพงกันขึ้นมากันเองทั้งนั้น ถ้าเรายึดหลักเรื่องของบ้านเมืองมาก่อนเรื่องส่วนตัว เรื่องทุกเรื่องมันเป็นไปได้ทั้งนั้น
ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์อาสาคนไทยช่วยน้ำท่วม หัวหน้าพรรคให้เครดิตตนเองทำงานการเมืองที่สร้างสรรค์ การอาสาคนไทยช่วยน้ำท่วม มันไม่ได้ขีดเส้นใต้อยู่ที่แค่การแจกถุงยังชีพ การทำโรงครัวแจกอาหาร แต่มันยังรวมไปถึงหน้าที่การงานของกทม. ที่มีคนในพรรคของท่านเองดำรงตำแหน่งตั้งแต่หัวยันหางยั้วเยี้ยเต็มไปหมด มันไม่มีใครเลยเหรอ ที่จะเสนอตัวอาสากทม.อาสาท่านผู้ว่าช่วยน้ำท่วมบ้าง
หรือว่าคนในพรรคท่านใจดำลอยแพท่านผู้ว่าเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารัก อะไรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ปล่อยให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่านผู้ว่าคนเดียว ถ้าพลาดมาผู้ว่าก็รับคนเดียว แต่ถ้าทำดีขอรับส่วนบุญกันทั้งพรรค ส่วนสมัครพรรคพวกคนอื่นก็ไปเดินทำหน้าลอยตา ตรวจแต่ประตู คูคลอง ที่มันไม่มีปัญหา และแจกของทำงานผักชีโรยหน้าไปวันๆ ทีกับงานรูทีนตั้งวอร์รูมจ้องจับผิดรัฐบาลรายวัน เซมากูเตะ โยนมากูงับ เก่งกันทั้งพรรค
พอท่านประชาโพล่งปากเอ่ยคำโทษเสียมารยาท เวลาไม่เคยรอท่า วารีไม่เคยรอใคร ประชาธิปัตย์จะช้าอยู่ใย กรณ์เล่นเรื่องโยนบาป "...ตอนสายๆ รัฐบาลปล่อยให้มีการรื้อบิ๊กแบ๊กที่ดอนเมืองโดยมีสส.และม็อบเกี่ยวข้องแล้วโยนบาปมาให้กทม.รับผิดชอบตอนสี่ทุ่มครึ่ง..." มาร์คก็รีบเล่นรับลูก "...วันนี้พล.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.ก็ออกมายอมรับว่าเสียมารยาท ทั้งที่เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิด..."
กรณีผู้ว่าอนามัย ในภาวะวิกฤตเมื่อถึงยามวิกาลห้ามเรียกใช้งาน มุมมองที่ได้จาก 3 หนุ่ม 3 มุม (ท่านผู้ว่า มาร์ค และกรณ์) ถึงจะเป็นการพูดที่มองต่างมุม แต่ละมุมที่แต่ละคนได้มองและออกโรงมาพูด ก็ได้ฉายสะท้อนให้เห็นถึงไส้ ถึงพุง แสดงตัวตนของแต่ละคน เป็นเครื่องการันตี ความสามารถในการคิดและพูดเช่นนี้ได้ มีจำแนกแจกจ่ายที่ประชาธิปัตย์เท่านั้น
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 18:15:55
[รักคนเสื้อแดง] เมื่อประชายอมรับเสียมารยาท มาร์คดีแต่พูดและโย่งคาเฟ่ก็ออกโรง
