ชายที่ใช้จินตนาการอยู่กับเรือนร่างสตรี วิพากย์วิจารณ์ตามตัณหาอารมณ์
ที่ตนเองพึงใจเป็นหลัก จนวัยล่วงเลยสู่ความชราก็มิอาจหลุดจากบ่วงโลกีย์
ซุกตนภายใต้คำว่ามันเป็นงานศิลปะ แต่กลับปกปิดความใคร่ในตนไม่มิดที่
แสดงออกถึงการระบายใคร่ผ่านตัวอักษรที่บ่งบอกถึงตัวตนเฒ่าคนนี้ได้เป็น
อย่างดี ครั้นจู่ ๆ พลันได้มีสตรีที่คงกริยา วาจา สง่างาม ที่ได้รับความเชื่อถือ
จากมวลมหาชน ที่ตั้งใจเลือกเธอมาเป็นผู้นำ ที่ใช้สมอง มากกว่า เรือนร่าง
ซึ่งเฒ่าผู้นี้มิได้เคยพบเจอ กับมองเธอราวกับเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัว ภายใต้
ท่วงท่าสง่าที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ได้งดงามเหมาะสมกับกาลเทศะ ต่างกับภาพ
ที่บรรจุเก็บในสมองที่เฒ่าโลกีย์เคยชิน ถึงกับกล่าวว่าเธอเป็นอนุสาวรีย์แห่งความ
น่าอับอาย ก็คงจะเ็ป็นอนุสาวรีย์แห่งความอับอายของตาเฒ่าโลกีย์คนนี้เสียมากกว่า
ที่ทั้งชีวิตฝักใฝ่แต่เรือนร่างสตรี จนอาทิตย์ใกล้อัสดงมิอาจได้พบแสงสว่างหาทาง
เอาตนออกจากป่าแห่งโลกีย์ได้...อนิจจาชายชราที่ขลาดกลัว