(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554)
ที่มาพร้อมกับน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็คือความหดหู่สิ้นหวังของคนจำนวนหนึ่ง
มีทั้งที่หดหู่จริงเพราะประสบกับโชคร้ายด้วยตัวเอง และยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
มีทั้งที่หมดความเชื่อมั่นในอนาคตด้วยสุจริตใจจริงๆ เพราะเอาความเชื่อที่มีอยู่เดิมเข้าไปจับกับการทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาล
และมีทั้งที่ฉวยโอกาสใช้ความหดหู่สิ้นหวังของคนอื่นมาเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง
บ้างเพื่อผลประโยชน์ บ้างเพื่อชื่อเสียงส่วนตัว
แต่ภาษิต "สองคนยลตามช่อง" ของเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ยังใช้ได้
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองเชียร์โดยไม่ต้องรับเชิญของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ปรากฏตัว
หลังจากที่เคยแสดงจุดยืนสนับสนุนเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันมาแล้วแบบไม่มีเงื่อนไข
กลับมาใหม่หนนี้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ไม่เพียงแต่จะขอโอกาสให้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ทำงานต่อเนื่อง
ประธานเครือซีพียังแสดงความมั่นอกมั่นใจด้วยว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโตมากกว่าที่คนทั่วไปคิด
ไปถึงระดับร้อยละ 7
ด้วยเหตุผลสองข้อ
ข้อแรกเมื่อปีนี้ตกต่ำสุดขีด ต่อให้ปีหน้าถึงจะเติบโตไม่มาก แต่โดยเปรียบเทียบแล้วก็ยังจะสูงกว่าปีนี้อยู่ดี
ข้อต่อมาหลังน้ำลดแล้ว ทั้งภาครัฐ เอกชน หรือประชาชนต่างจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน ไปจนกระทั่งถึงระบบการทำงานอื่นๆ ให้กลับมาเป็นปกติ
เม็ดเงินจำนวนนี้รวมกันแล้วน่าจะหลายแสนล้านบาท
อันเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจชั้นดี
อาจเป็นวิธีการวิเคราะห์แบบคนมองโลกในแง่ดี แต่น่าจะมีเค้ามูลความเป็นไปได้อยู่พอสมควร
เพราะถ้าประเมินอะไรผิดง่ายๆ ซีพีคงไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค อย่างที่เป็นอยู่
และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามที คำประกาศของนายธนินท์ครั้งนี้ส่งผลทางการเมือง โดยเฉพาะในแง่บวกสำหรับรัฐบาลอยู่ไม่มากก็น้อย
ใครที่คิดจะอาศัยสถานการณ์วุ่นวายหลังวิกฤตเป็นเครื่องมือในการล้มรัฐบาล (ซึ่งตุปัดตุเป๋จากน้ำท่วมอยู่แล้ว) อาจจะต้องกลับมาตั้งหลักคิดใหม่
โดยเฉพาะถ้าในแวดวงที่ถูกจำกัดความว่าเป็น "อำมาตย์" ยังไม่สามารถหาฉันทามติได้แล้ว
ถ้ารัฐบาลไม่เพลี่ยงพล้ำจนถึงขนาด เพราะความไร้ประสิทธิภาพก็ดี ความไม่สุจริตก็ดี หรือเพราะแตกแยกภายในก็ดี
โอกาสที่จะสะดุดขาตัวเองก็มีอยู่น้อยยิ่ง
แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีผลงานเป็นเครื่องค้ำประกัน และความเป็นจริงเป็นเครื่องตัดสิน
ถึงเวลาจริงๆ ตัวช่วยก็ไม่มีความหมาย ศัตรูก็ไม่ได้มีน้ำหนักไปกว่ากัน
สำคัญอยู่ที่ตัวเองและหมู่คณะเท่านั้น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1321362529&grpid=&catid=02&subcatid=0207
เห็นคล้อยตามเจ้าเสัวธนินท์ ตั้งแต่แรก เพราะน้ำลดเมื่อไหร
งานอันดับแรก ที่เป็นที่ต้องการ คือ ช่างซ่อมทุกอย่าง
รถยนตรื จักรยานยนตร์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
บ้านเรือน ที่จะต้องมีทั้งช่างปูน ช่างไม้ ก็น่าจะต้องการ
แรงงาน เป็นจำนวนมาก
ใครที่ยังไม่มีทักษะ จะไปเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้น
ในวิชาชีพเหล่านี้ คงจะหางานได้ ไม่ยากนัก
แค่กู้นิคมอุตสหกรรม หลาย ๆ แห่ง ก็คงต้องการแรงงาน
หลาย พัน คน