การเสนอ พรฎ. อภัยโทษ ของรัฐบาล ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากทุกส่วนของสังคม . คนที่เห็นด้วยดูเหมือนจะยังสงวนท่าที อยู่เงียบๆไปก่อน . แต่คนที่ไม่เห็นด้วยก็เริ่มเอะอะโวยวายกันแล้ว . อ้างว่าจะนำมาซึ่งวิกฤติของบ้านเมืองครั้งใหม่ . อ้างว่าทำเพื่อคนๆเดียว . บางคนหนักไปหน่อย อ้างว่ารบกวนเบื้องพระยุคลบาท . ดึงสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือตามถนัด .
แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาๆในระบอบประชาธิปไตย . เมื่อพรรคเพื่อไทยลงเลือกตั้ง . ได้รับปากประชาชนว่า ถ้าเลือกพรรคนี้เป็นรัฐบาล จะคืนความเป็นธรรมให้ทักษิณ จะนำทักษิณกลับบ้าน . คำสัญญานี้ทำให้ประชาชนเดินเข้าคูหาแล้วกาเบอร์ ๑ . นี่คือสัญญาประชาคม . เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วต้องทำตามสัญญา .
ถ้ารัฐบาลไม่เสนอ พรฎ. หรือ ยอมถอย ไม่เดินหน้าต่อ . ประชาชนจะผิดหวัง ไม่ใช่ผิดหวังรัฐบาล ฝ่ายเดียว . แต่ผิดหวังในระบอบประชาธิปไตยด้วย . ประชาชนอาจหันไปหาระบอบอื่น ที่สามารถทำตามที่เขาต้องการได้ . นอกจากนั้น คำสัญญาต่างๆในรูปนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ . จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน . ประชาชนจะไม่เชื่อว่าพรรคนี้จะทำได้ตามสัญญา . พรรคนี้จะกลายเป็นพรรคที่ ดีแต่พูด พรรคที่สองต่อจาก ปชป.
ส่วนเรื่องสถาบันนั้น ไม่เห็นว่ามีตรงไหนที่จะระคายเคืองพระองค์ท่าน . เพราะในมหามงคลนี้ก็มีการอภัยโทษเป็นประจำอยู่แล้ว . ทักษิณ ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิ์เท่ากับคนไทยคนอื่น . การพูดอะไรล่วงหน้าไปก่อนต่างหากที่เป็นการกดดันสถาบัน . เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน . สุดแท้แต่การตัดสินพระทัยของพระองค์ท่าน . ซึ่งคนไทยทุกคนควรยอมรับ ไม่ควรก้าวล่วงครับ .
ฝ่ายที่ต่อต้าน พรฎ. นี้สามารถแสดงออกได้เต็มที่ ตามกรอบของกฎหมาย . ควรรณรงค์ให้มากๆด้วยซ้ำ เพื่อสร้างกระแสให้มีพลังพอ . แต่ในที่สุด ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา . ถ้าทักษิณ ได้รับอภัยโทษ ก็รณรงค์ให้ประชาชนไม่เลือกพรรคเพื่อไทย . หันไปเลือก ปชป. แทน . โดยสัญญาว่าถ้าเลือก ปชป. จะลบล้าง พรฎ.นี้ แล้วนำทักษิณเข้าคุกใหม่ . ประชาชนจะตัดสินใจด้วยการเลือกตั้งเองครับ .
ไม่เห็นจะมีวิกฤติตรงไหน . ถ้าทุกอย่างให้เกียรติประชาชนเป็นคนตัดสินใจครับ .