จากพื้นฐาน ที่ อดีตนายก ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ ขณะปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติในต่างแดน อันตามปรกติ จากนิติสากล ถือว่า อยู่ในฐานะผู้นำ รบ.พลัดถิ่น โดยถ้าจะเอาให้แตกหัก ก็คือ แทนที่จะเงียบสงบ ก็ประกาศใช้สิทธิ์ เป็น รบ.พลัดถิ่น อันประเทศสากลจะยอมรับ และให้การช่วยเหลือเต็มพิกัด แน่นอนในช่วงระยะเวลาอันสั้นหลังจากนี้จะมีผลให้มีการต่อสู้แย่งอำนาจ ระหว่าง ฝ่ายปฎิวัติ และฝ่าย รบ. พร้อมกับพันธมิตรสากล สิ่งที่ตามมา กับ ปชช. คงจินตนาการกันเองได้ ก็เพราะผลที่จะออกมาตรงกันข้ามกับการ ขจัดทุกข์บำรุงสุขให้กับ ปชช. เป็นเหตุผลอันเชื่อได้ ถึงการยินยอมสละตำแหน่ง และไม่กลับเข้าประเทศ ของอดีตนายก

ถ้าจะมองดู ถึงแง่บัญญัติ รธน.๔๐ และ นิติกฎหมาย อย่างน้อยจนถึงจุด ที่ถูกยึดอำนาจและจนบัดนี้ อดีตนายก เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็เป็นกฎของความเป็นจริง ที่ขบวนการยึดอำนาจ มิได้จบสิ้นลง กับการยึดอำนาจ แต่จำต้องปกป้องกวาดล้าง เพื่อมิให้มีการยึดอำนาจอันชอบธรรมกลับคืนได้ อย่างที่มีกรณียุบพรรค ฯลฯ อีกด้วย ถ้าอดีตนายก ยินยอมรับคำตัดสินพิจารณา มิใช่เป็นลักษณะเคารพในกระบวนการยุติธรรม แต่น่าจะเป็นการยอมรับ หรือยอมพ่ายแพ้ต่อการถูกยึดอำนาจในคราบของกระบวนการยุติธรรม เพราะคงไม่มีใครสามารถเชื่อได้ว่า การยอมรับอาญา แค่ ๒ ปี จะเป็นที่สิ้นสุดได้สำหรับผู้ยึดอำนาจ ในเมื่อจากลักษณะของการเริ่มพิจารณาคดี ที่ไม่โปร่งใส ก็สมควรสันนิฐานได้ว่า สาเหตุที่อดีตนายก ไม่ยอมเข้าประเทศมาสู้คดี และไม่ยินยอมรับคำพิพากษาเพราะอะไร

ไม่ว่าจะมีการ ลงชื่อจาก ปชช. เป็นจำนวนหลักล้าน เพื่อทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ หรือจาก พ.ร.ฎ.พระราชอภัยโทย ไม่ทำให้การดำเนินการ ของฝ่ายยึดอำนาจลดลงไปได้ แต่อาจเป็นช่องทางอันนิดน้อย กับการเรียกร้องความเป็นธรรม กับตัวอดีตนายก ซึ่งน้อยกว่า ที่มีอยู่ในขณะนี้ ในต่างประเทศ แต่สำหรับ ปชช. ก็จะบังเกิดผลเช่นเดียวกัน กับการประกาศจัดตั้ง รบ.พลัดถิ่น ที่ อดีตนายก ปกป้องเอาไว้ครั้งหนึ่งแล้ว นั่นเอง ซึ่งเป็นข้อชี้ชัดอย่างแน่นอนว่า พ.ร.ฎ.พระราชอภัยโทษ อย่างมากก็ทำให้มีสิทธิการกลับมาของ อดีตนายก แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะกลับ

จากลักษณะดำเนินการ ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชอภัยโทษ ที่มีองค์กร ที่ให้เข้ารับหน้าที่ในสมัยของ รบ.ชุดก่อน ที่ในวันนี้ออกมาต่อต้าน รองนายก ก็ทำเป็นเสมือนว่า ฉีดน้ำมันเข้ากองไฟ ผลก็คือ เพราะความมัวเมากับ อำนาจที่ยึดมาโดยไม่ชอบธรรม ต่างก็เลยแสดงตัวทั้งเก่าและใหม่ออกมาต่อต้าน ในทุกรูปแบบ ในต่างประเทศที่กำลังจับตากับเหตุการณ์มาจนบัดนี้ เริ่มสามารถสรุปขอบข่าย และผลพวงของ พลังยึดครองอำนาจ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ เพราะกระแสส่งเสริมการคืนอำนาจ ที่กำลังเลื่อนที่ ไม่มีใครต้องการให้ ปชช. ต้องกระทบกระเทือนเช่นตัวอย่างในหลายประเทศที่ผ่านมา นั่นเอง

ทั้งนั้นและทั้งนี้ ปฎิกริยา ของโลกสากล จำต้องคำนึงถึง ความต้องการของ มติชนส่วนใหญ่ในประเทศ เป็นสำคัญ อันทำให้สันนิฐานถึงลักษณะการให้การสนับสนุน หรือรักษาผลประโยชน์และสนธิสัญญา ของตัวเองที่ได้รับจากประเทศไทย การพิจารณาของประเทศสากล ก็อยู่ที่ลักษณะแนวทางความเติบโต ของการปลุกกระแส สร้างความไม่สงบของฝ่ายยึดอำนาจ กับ กลุ่ม ปชช. ถ้าจะมองตามสถานะการณ์ ถึงบทบาทของประเทศสากล อย่างเช่น การเรียกร้องให้ รบ.ลงนาม ในสัญญาบัญกรุงโรม การมาเยียนเยี่ยมของ เลขาฯ ยูเอ็น และ รมต.ต่างประเทศ ของ อเมริกา การพบซึ่งหน้ากับ ประธานาธิบดี ของ อเมริกา และหลายประเทศ ที่ให้ความยินดี และมิตรสัมพันธ์ กับ รบ.ปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้บอก จุดยืนต่อประเทศไทย อย่างชัดแจ้งในตัว

ในขณะที่ พลังต่อต้าน พ.ร.ฎ. พระราชอภัยโทษ ที่กำลังปลุกชงกันขึ้นมา ทุกคนก็สามารถมองและสันนิฐาน ด้วยวิจารณายานของตัวเองได้ว่า อดีตนายก รบ.ปัจจุบัน และกลุ่มต่อต้าน และประเทศไทย กำลังอยู่ในเส้นทางใด และมีความรวดเร็วในระดับใดที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่กรณี พ.ร.ฎ. ไม่ว่าจะมีผลออกมาอย่างไร ไม่ใช่ปัญหาแท้จริงนั่นเอง