บอกตรงๆ มันน่าอนาถที่ยังด้านตีความแบบครอบจักรวาลเพื่อให้เค้าผิด คุณสะกดจิตตัวเองไปเหอะ เชื่อไปคนเดียว ยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้น นี่ขนาดรัฐไม่ได้เสียหายอะไร ประมูลชนะมาแบบขาวสะอาด ไม่ได้มีฮั้ว แต่ก็ยังตัดสินให้จำคุก 2 ปี ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่การทุจริตแบบน่าเกลียด จะแค่แค่ยึดคืนหรือให้เบากว่านี้ก็ยังได้
ต่อให้เป็นนายอภิสิทธิ์ที่ผมไม่ค่อยชอบโดนแบบคุณทักษิน ผมก็ไม่เห็นด้วยเพราะมันเหมือน เอาอำนาจตุลาการมาใช้ เพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้สถาบันนี้หมดความศักสิทธิ์หมดความขลังไปเลย เพราะสามารถโน้มเอียงได้ สั่งได้ วิธีนี้มันน่าเกลียดและสกปรกเกินไป จะว่าไปตอนเฮียลิ้มโดนยิงก็ยังเห็นใจเค้า ถึงจะเกลียดแม่มมาก อยากให้ไปตายในคุกมากกว่า อย่าเอาวิธีสกปรกมาใช้ดีกว่า
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกกับกองทุน ท่านประพันธ์ ทรัพย์แสง หนึ่งในผู้พิพากษาในคดีนี้เขียนประเด็นเรื่องนี้เอาไว้ว่า
"นายกรัฐมนตรีกำกับในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนฟื้นฟูเฉพาะในส่วนของนโยบายทางเศรษฐกิจ และดำเนินนโยบายด้านการเงินให้สอดคล้อง ส่วนอำนาจอื่นๆ ไปอยู่ที่คณะกรรมการกองทุน"
แล้วยังไม่รวมข้อความข้างล่างอีก จากความเห็นหนึงในเวป Lawerthai
แต่มีเรื่องที่น่าสังเกตุคือ คนช ในยุคของคมชได้ออกพรบ แก้ไขเพิ่มเติม พรบ ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ที่กล่าวว่าผ่านวาระ3 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 โดยในมาตรา 5แห่งพรบดังกล่าวบัญญัติว่า ให้มีธนาคารกลางเรียกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย เรียกโดยย่อว่า ธปท ให้ ธปท เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ตามกฏหายว่าด้วยวิธีงบประมาณและกฏหมายอื่น
จะเห็นได้ว่า คนช สมัย คมช มีเจตนาที่จะแก้กฏหมายให้ผิดเพี้ยนเพื่อที่จะนำมาใช้เป็นกรณีเฉพาะเป็นกรณีเดียวกับคดีที่ดินรัชดาเป็นการออกกฏหมายโดยมีเจตนาทุจริต โดยมีคำใหม่เขียนว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็น หน่วยงานของรัฐ ตรงกับมาตรา 100(1)ที่ใช้ทำคดีกล่าวหาพตท ทักษิณ ชินวัตรและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยได้ขยายความต่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐนั้นไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ซึงจงใจจะให้โยงไปถึงกองทุนฟื้นฟูที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่เกิดจากพรบ ธนาคารแห่งประเทศไทย
เลิกตีความแบบครอบจักรวาลเถอะครับ ที่ตัดสินไป จะเรียกว่าตัดสินตามใบสั่งก็คงไม่ผิดครับ คุณไม่ได้โง่ รู้อยู่แก่ใจ อย่าพยายามแกล้งโง่เลย
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 23:58:19