 |
การกระทำผิดกฏหมายของไทย......ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวกฏหมายที่ชี้ว่ากระทำอย่างไรเรียกว่าผิด...แต่ขึ้นอยู่ที่ผู้กระทำชื่ออะไร
|
 |
หากคนไทยทุกคนวางใจให้เป็นกลาง และมุ่งเอาเรื่องความผิดทางกฏหมายเป็นปัจจัยหลักในการชี้ผิดชี้ถูก......เราก็จะได้ผู้กระทำผิดกฏหมายในข้อเดียวกันต้องโทษเหมือนกัน.....ดังเช่นประเทศที่เขาเจริญแล้ว
ยกตัวอย่างสหรัฐ.....ลูกสาวอดีตประธานาธิบดีติดยาเสพติดก็ต้องโทษ,ดาราชื่อเสียงโด่งดังเสพยาก็ต้องโทษ,ขับรถชนก็ต้องโทษ ฯลฯ.....เหมือนเช่นประชาชนที่ไม่มีชื่อเสียง ด้วยกฏหมายข้อเดียวกัน มีโทษเหมือนกัน
แต่ของคนไทย.....
ตาสี,ตาสา ตีภรรยาตาย....เข้าคุก แต่อาจารย์ตีภรรยาตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้่ก่อนไม่ต้องเข้าคุก ตำรวจถูกไล่ฆ่าด้วยการขับรถบดขยี้....ปชช.คนนั้นไม่ต้องโทษ...แม้คู่กรณีจะดูต่างชั้นแต่ขึ้นอยู่ว่าผู้กระทำเป็นคนของใคร
นักการเมืองบุกรุกและยึดครองที่หลวงนับพันไร่ นักธุรกิจภายใต้ความเอื้อเฟื้อของผู้ใหญ่ยึดครองที่ป่าสงวนหลายพันไร่ทำสนามกอล์ฟ ผู้ทำตัวเป็นนักบุญยึดป่าสงวนทำโรงเรียนสอนการเมืองหลายร้อยไร่ อดีตนายกฯ และนักการเมืองหลายคน ยึดที่ป่าสงวนสร้างบ้านพัก ฯลฯ ทุกกรณีล้วนไม่มีใครต้องโทษ ทั้ง ๆ ที่ มีกฏหมายชี้ว่าผิด 100% แต่ถ้าเป็นประชาชนตาสี,ตาสา กลับถูกขับไล่ให้รื้อถอนและโดนคดี
สอนทำกับข้าวออกทีวี ถูกชี้ว่าผิดเพราะเป็น "ลูกจ้าง".......แต่คนอีกกลุ่มรับเงินค่าจ้างสอนหนังสือ ถือว่าเป็นผู้ประสาทวิชา.......แล้วการสอนทำกับข้าวมันไม่ใช่การประสาทวิชา (โภชนาการ) ตรงไหน
คดี ปรส. ความเสียหายหลายแสนล้านบาท อดีตนายกฯ ไม่ต้องรับโทษ ด้วยคำชี้แจงว่าตนไม่มีหน้าที่บังคับบัญชา กองทุนฟื้นฟู........แต่อดีตนายกฯ อีกคนโดนคุก 2 ปี เพราะเป็นคู่สมรสของผู้ซื้อทรัพย์จากกองทุนฟื้นฟู ในฐานะที่เป็นผู้มีหน้าที่บังคับบัญชากองทุนฯ
ลูกคนตระกูลดังขับรถเป็นเหตุให้มีคนตายมากมายไม่ต้องโทษ.....เป็นลูกชาวบ้านชนคนตายแค่คนเดียวก็เข้าคุกไปแล้ว
ความไม่เสมอภาคเหล่านี้เกิดได้เพราะอะไร
- ผู้มีหน้าที่โดยตรงไม่ยืนบนหลัก นิติรัฐและนิติธรรม.....และไม่มีโทษหากทำหน้าที่บกพร่อง...แถมมีกฏหมายรับรองและคุ้มครองการพิจารณาแบบไม่เสมอภาคนั้น ๆ ทำให้คนบางคนใช้อำนาจในทางที่ผิดได้โดยไม่มีความละอายและเกรงกลัว
- สื่อส่วนมากไม่ได้เป็น"ฐานันดรที่ 4" ทีี่มีเกียรติและมีหลักของความเที่ยงธรรมและมีจริยธรรมที่แท้จริง
- นักวิชาการทั้งหลายที่มีพาวเวอร์ในการเรียกร้องความเป็นธรรม ก็เป็นพวกที่ "ธุระไม่ใช่" ถ้าไม่ใช่ประเด็นที่ตนสนใจหรือได้ประโยชน์ แต่มักจะถือว่าเป็นเรื่องที่ตนจะต้องทำทันทีหากเกิดเหตุด้วยคนที่ตนเกลียด
- ประชาชนไม่ได้แบ่งแยกโดยใช้หลักของเหตุและผล,ถูกและผิด เป็นตัวตั้ง.....แต่ใช้ความชอบและเกลียด เป็นตัวตั้งในการเชียร์"ผู้กระทำผิด"ของแต่ละฝ่าย โดยลืมคำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศว่ามันจะส่งผลเป็นมลพิษร้ายที่ตกทอดไว้บนผืนแผ่นดินสู่ลูกหลานในอนาคต.....และตนก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง อีกทั้งไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงแต่อย่างใด....แต่กลับมองข้ามความผิดของคนทำผิดเพียงเพราะคำว่า"ชอบ" ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ พาวเวอร์ของประชาชนจึงถูกลดทอนพลังลง
- สังคมโดยรวมอ่อนแอ ยอมตกอยู่ภายใต้"ความไม่ถูกต้อง" ที่เกิดขึ้นโดย"ผู้มีหน้าที่" ทั้งหลายทั้งปวง
น่าเสียดายที่จนป่านนี้ก็ยังหันหน้ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ ถ้าหากจะเก็บพลังของการทะเลาะมาจับมือกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ หาทางที่จะช่วยกันกำจัด สื่อเลว,นักการเมืองเลว,ข้าราชการเลว,การใช้งบประมาณท้องถิ่นแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ .....ความเสียหายจากการทุจริตก็จะลดน้อยลงได้ ทรัพยากรธรรมชาติ,ป่าสงวน อันเป็นสมบัติของคนทั้งประเทศก็จะยังคงเหลืออยู่ถึงลูกหลาน.....การพัฒนาประเทศด้วยเงินภาษีก็จะได้ผลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ถึงเวลาหรือยังพี่น้องทั้งหลาย
จากคุณ |
:
ชาติอนุรักษ์
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ย. 54 11:21:33
A:58.8.46.117 X:
|
|
|
|  |