รบ.อภิสิทธิ์ ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อปกปัดภัยพิบัตต่อสาธารณะชน ตามสิทธิอำนาจ รธน.๕๐ โดยมอบหน้าที่การบริหาร และ ปฎิบัติการ ให้กับ ศอฉ. คือ การสลายชุมนุมที่มีผู้ก่อการร้าย อันทำให้มีประชาชน และ เจ้าหน้าที่ ศอฉ. เสียชีวิตและบาทเจ็บ โดยมีสาเหตุมาจาก ผู้ก่อการร้าย และ เจ้าหน้าที่ ศอฉ.ในขณะปฎิบัติหน้าที่ อันจากการสอบสวน มีเหตุผลเชื่อมโยง ระหว่าง แกนนำ นปช. กับผู้ก่อการร้าย ที่ยังตามจับมิได้ เป็นเหตุให้ต้อง ใช้เอกสารสำนวนพยานหลักฐาน ยื่นฟ้องพิจารณาความอาญา กับแกนนำ นปช. ต่อไป ส่วนการบริหาร และปฎิบัติหน้าที่ ของ รบ.อภิสิทธิ์ และ ศอฉ. รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ ที่ปฎิบัติตามสิทธิอันชอบธรรม ของ พรก.ฉุกเฉิน รวมทั้งเป็นการใช้อาวุธ เพื่อป้องกันตัวในสถานะการณ์วิกฎติ อันเป็นข้อยกเว้นความผิดทางอาญา เพียงแต่จะต้องชดเชยให้กับ ผู้เสียชีวิต และบาทเจ็บ ที่พิสูจน์แน่ชัดว่า ด้วยผลการปฎิบัติหน้าที่ ของ เจ้าหน้าที่ ศอฉ. เท่านั้น

เหตุผลที่มา

๑.) คำให้การของ รบ.อภิสิทธิ์ การปฎิบัติการเป็นไปโดยชอบธรรม ตามกฎหมาย หรือหมายถึง สิทธิอำนาจการบริหารราชการในสถานะการณ์ฉุกเฉิน หรือ พรก.ฉุกเฉิน นั่นเอง

๒.) คำให้การ ของ อดีตโฆษก ศอฉ. เป็นการปฎิบัติการโดยคำสั่ง หรือชอบด้วยหน้าที่ ในฐานะหน่วยราชการ และโดยมีนโยบายในคำสั่ง ให้สามารถเตรียมพร้อมในการป้องกันตัว จากภัยที่มาจากผู้ก่อการร้าย หรืออนุญาตให้ พกพาอาวุธยุโธปกรณ์สงคราม เข้าปฎิบัติหน้าที่ได้นั่นเอง ส่วนนโยบายในคำสั่งเพื่อ ปกปัดภัยพิบัติของ ปชช. ในขณะปฎิบัติการ เป็นเหตุให้ลักษณะปฎิบัติการเป็นไปไปตามหลักสากล ๗ ข้อเป็นสำคัญ อันแสดงถึง การปฎิบัติการ ของ เจ้าหน้าที่ ศอฉ. เป็นไปโดยสุขุมรอบคอบและชอบด้วยกฎหมาย

๓.) จากการตรวจพบ ยึดอายัด อาวุธยุโธปกรณ์ ในสถานที่ๆ อยู่ในขอบเขตุ ของการชุมนุม รวมทั้งคดีที่พิจารณาและลงโทษทางอาญา ของสมาชิก นปช.ไปแล้ว การสูญเสียชีวิต และบาทเจ็บ ของ เจ้าหน้าที่ ศอฉ. ด้วยอาวุธยุโธปกรณ์สงคราม ในขณะปฎิบัติหน้าที่ เป็นข้อชี้ชัดว่า ในกลุ่มชุมนุม ที่แสดงออกถึงการใช้สิทธิชุมนุมอย่างสันติอหิงสา มีกลุ่มของผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ด้วย จากบทความในการอภิปรายต่อสมาชิกชุมนุม ส่อให้เห็นถึงเจตจำนงศ์ หรือมีส่วนร่วมเป็นผู้ก่อการร้ายตาม รวมทั้งการหลบหนีคดีของแกนนำ นปช. และผู้ก่อการร้าย เป็นข้อสมควรวินิจฉัยถึงความเชื่อมโยง ในกรณีผู้ก่อการร้าย

๔.) จากการชันสูจน์พลิกศพ ทั้งจาก เจ้าหน้าที่ ศอฉ. และผู้เสียชีวิต มีหลักฐานการใช้อาวุธ ที่เป็นอาวุธประเภทเดียวกัน และแตกต่าง จากอาวุธพกพา ของ เจ้าหน้าที่ ศอฉ. อันพิสูจน์ถึง การมีกำลังไม่ทราบฝ่ายที่พร้อมด้วยการพกพาอาวุธยุโธปกรณ์สงคราม และมีความโหดเหี้ยมตรงกับลักษณะ ผู้ก่อการร้าย และเป็นเหตุผลสมควร ในการเตรียมปฎิบัติการ โดยมีมาตราการพกพาอาวุธยุโธปกรณ์สงครามเพื่อป้องกันตัว

๕.) จากการสร้างสิ่งขัดฝางอย่างแข็งแรง (บังเก้อ) ในขอบเขตุพื้นที่การชุมนุม รวมทั้งมีการจัดกำลัง โดยนำสิ่งต่างๆ มาใช้เป็นอาวุธต่อต้าน ส่อแสดงถึง การชุมนุมที่ไม่เป็นไปด้วยสันติอหิงสา ตามสิทธิอำนาจ ของ รธน. หรือเข้าข่าย การจราจล อันการใช้ทหาร ให้เป็นเจ้าหน้าที่ กำลังพล ที่มีประสิทธิภาพการปราบปรามสมดุลย์ จึงเป็นลักษณะสมควร ต่อสถานะการณ์

อันนี้เป็นเพียงข้อสรุปสังเกตุการณ์ ที่นำเอามาจากการตรวจสอบ สถานะการณ์ และข้อมูลตามสื่อสารมวลชน รวมกัน อันนับตั้งแต่ การสลายชุมนุมสิ้นสุดลง

ถ้าอ่านถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่า ผู้รักความเป็นธรรม หรือผู้รู้เห็นความเป็นจริงโดยอยู่ในเหตุการณ์ จะมีความเจ็บปวด รันทด และร้าวใจ อย่างไร ถ้าข้อสรุปเหล่านี้ เป็นความจริงสุดท้าย ที่จะปรากฎออกมาในอนาคตอันใกล้ หรือให้ความเกลียดชังกับผม ที่สรุปเช่นนี้ อันทั้งนี้และทั้งนั้น ก็จะไม่มีความเปลี่ยนแลงบังเกิดขึ้น สาเหตุที่น่าจะเป็นเช่นนี้ มิใช่เพราะ ความยุติธรรมสองมาตราฐาน แต่เป็นความรู้ความเชื่ยวชาญ กับการเตรียมการและสร้างลักษณะคดี เอาความ ยุติธรรม มาเป็นเกราะป้องกันตัวล่วงหน้า และยังทำให้ สามารถแสดงความบริสุทธิ์ในสังคมโดยไม่ต้องหวั่นใหว และผมก็เชื่อว่า ถ้าต้องการให้มีผู้รับผิดชอบกับการกระทำบังเกิดขึ้น ก่อนที่จะถึงวันนั้นควรจะแก้ใขอย่างไร น๊ะครับ