มาตรา ๑๐๐ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการ ดังต่อไปนี้  (๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ

(วรรคสามของมาตรา 100 ) ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสอง โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โดยมีบทลงโทษตาม มาตรา ๑๒๒ ที่บัญญัติว่า  ....กรณีความผิดตามมาตรา ๑๐๐ วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตามมาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด

แต่การที่คุณทักษิณไปเซ็นชื่อให้ความยินยอม ย่อมทำให้คุณทักษิณปฏิเสธไม่ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ตามมาตรา 122  ดังที่ศาลวินิจฉัยไว้ว่า

เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ ๑ เข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ย่อมถือว่า การเข้าทำสัญญานั้นเป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ เอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ วรรคสาม  เมื่อจำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานใดมาพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า จำเลยที่ ๑ มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่จำเลยที่ ๒ ดำเนินกิจการตามมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อแก้ตัวให้จำเลยที่ ๑ พ้นผิดตามมาตรา ๑๒๒ วรรคสอง ( คุณทักษิณปฏิเสธว่ามิได้รู้เห้นยินยอม ไม่ได้เพราะตนเองไปเซ็นยินยอมเอาไว้ครับ)

ส่วนที่ตอบคำถาม

คำถามที่ 1.  นายกรัฐมนตรีทักษิณ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานอยู่ในกองทุนฟื้นฟูใช่หรือไม่ ?
คำตอบ  ดูกระทู้ P11371195  และ  P11370559 นายกรัฐมนตรีสามารถควบคุมกำกับกองทุน โดยผ่านรมต.คลัง ที่พรบ.ให้อำนาจควบคุมกำกับ

คำถามที่ 2. คณะรัฐมนตรีคือผู้กำกับนโยบายให้กับ ธปท. ใช่หรือไม่  ฉนั้นมันจึงเชื่อมโยงไปถึงกองทุนฟื้นฟูฯ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธปท.ด้วยใช่หรือไม่ ?
คำตอบ    ดูกระทู้ P11371195 การทำงานของกองทุน จะมีรมต.คลังกำกับดูแลอยู่

คำถามที่ 3. นายกทักษิณมีเจตนากระทำความผิดกฏหมาย ตาม ม. 100 ( 1 ) หรือไม่ ?
คำตอบ   ความผิดตามมาตรานี้ ไม่ได้ต้องการเจตนา เพียงแต่ปฏิเสธว่าตนมิยอมให้คู่สมรสเข้าทำสัญญาไมได ก็ครบองค์ความผิดแล้ว

คำถามที่ 4.  ผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีมีความเห็นเป็นสองฝ่ายที่ก้ำกึ่งกัน เหตุใดจึงไม่ยกประโยชน์ให้กับจำเลย ?

ตอบ ตามพรบ.วิธีการพิจารณาคดีของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ผู้พิพากษาทุกคนมีความเห้ฯมาก่อนการลงมติ และให้ทำเป็นลายลักาณ์อักษร จึงไม่อาจจะให้ผู้พิพากาคนใด เปลี่ยนความเห็นของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งได้

เรื่องจึงเป็นเช่นนี้แล