มาว่าเรื่องของ "เรา" ต่อ........ คุณ thyrocyte คะ....

ประเด็นแรก....การเอากองทุนฟื้นฟูฯ ไปเปรียบเทียบกับหน่วยงานของกระทรวงก็ผิดฝาผิดตัวคนละเรื่องแล้วค่ะ

หน่วยงานเช่นกรมทางหลวงนี่ มันชัดนะคะว่านายกฯมีอำนาจโดยตรง(และโดยอ้อม) ไม่ต้องผ่าน รมต.เลยค่ะ   แต่สำหรับกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินน่ะ  นายกฯมีอำนาจเหมือนอย่างที่มีกับกรมทางหลวงไหมคะ...

และถ้าภรรยานายกฯ ไปประมูลงานในกรมทางหลวง ไม่ต้องอ้างมากหรอกค่ะ  กฎหมายระบุชัดเจนแล้วว่า สามีและภรรยาคือบุคคลคนเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องอ้างกฎหมายอะไรให้ยาก

คุณ thyrocyte อ้างถึงเรื่องการบริหารที่สามารถเอื้อประโยชน์.......เอื้อประโยชน์อะไรล่ะคะ... กองทุนฯตั้งมาตั้งแต่ปลายปี 2528  มีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าเพื่ออะไร  ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ ธปท. นายกฯมีอำนาจเข้าไปบริหารตรงไหน ? 

ก็อย่างที่บอก....การอ้างว่า นายกฯ สั่งปลด รมต.คลังได้..... รมต.คลังปรับเปลี่ยนกรรมการกองทุนฯได้... แล้วตีความว่านั่นคือ นายกฯมีอำนาจกำกับกองทุนฯ.....มั่วค่ะ !   กองทุนฯ มีผู้ว่า ธปท.เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน  มองอย่างไรก็ตาม อย่าว่าถึงขั้นนายกฯเลยค่ะ... แค่ รมต.คลังจะไปสั่งอะไรประธานกองทุนฟื้นฟูฯ   นี่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว  เมื่อผู้ว่า ธปท.เป็นประธานกองทุนฯ ตัวกองทุนมีเจตนารมณ์ในการก่อตั้งตาม พรบ.ก่อตั้งชัดเจน   การดำเนินงานของกองทุนฯ ย่อมต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์นั้น ไม่มีทางที่ รมต.คลังจะไปก้าวก่ายอะไรได้เลย ทำได้แค่แต่งตั้งกรรมการเท่านั้น

การบอกว่ากฎหมายห้ามเข้าไปยุ่งกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจกำกับคาบคุมดูแลฯ มันชัดเจนค่ะ  ไม่ต้องสาธยายให้เมื่อย...... แต่ประเด็นมันคือ "ทักษิณ" มีอำนาจอย่างที่ว่ากับกองทุนฟื้นฟูฯ จริงไหม

ที่คุณ thyrocyte อ้างมาทั้งหมด ก็เป็นข้ออ้างที่คลุมเครือ...มั่ว...เป็นการอ้างและตีความแบบ ครอบจักรวาลไม่เลิก

การอ้างแต่ว่า เมื่อเมียนายกฯเข้าไปประมูล  ทำให้เกิดหรืออาจจะเกิดการเอื้อประโยชน์ ....แต่พอถามว่าเอื้อหรืออาจเอื้อตรงไหน ก็ไม่มีคำตอบ...แม้กระทั่งศาลเองก็ใช้จินตนาการว่าการที่ "พจมาน" เข้าไปประมูลทำให้คนอื่นไม่กล้าประมูลแข่ง .......เออ.. ใช้การคาดการณ์...ใช้จินตนาการในการเอาคนเข้าคุกได้... มีที่ไหนในโลก

 

กฎหมาย ปปช. ที่บัญญัติไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมือง เพื่อป้องกันการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบเป็นสิ่งดี เป็นสิ่งควร เป็นสิ่งถูกต้องค่ะ......แต่เมื่อจะมีการเอาผิดใคร การบังคับใช้กฎหมายต้องเคร่งครัด ไม่ใช่ตีความแบบครอบจักรวาลมุ่งเอาผิดให้ได้

การตีความว่าเป็นการขัดแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม นั่นมันก็ต้องขึ้นกับว่าเจ้าหน้าที่รัฐคนนั้นมีอำนาจในเรื่องนั้นไหม..... หากเขาไม่มี เขาก็ต้องมีสิทธิทำได้เพราะมันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

เรื่องที่ดินรัชดา.....ตีความว่าการที่ "พจมาน" เข้าร่วมประมูลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเอื้อประโยชน์ให้... แต่พอถามว่าเอื้ออย่างไรก็ไม่มีคำตอบ...อย่าลืมสิว่ากองทุนฟื้นฟูฯ นั้นไม่เหมือนหน่วยงานของรัฐโดยทั่วไป

สถานะตัวกองทุนฯ เป็นทั้งนิติบุคคลแยกต่างหากจาก ธปท. และเป็นทั้งส่วนหนึ่งของ ธปท. (นี่ก็ทำให้คิดได้อีกว่าเป็นหน่วยงานของรัฐจริงหรือไม่) ....เมื่อมีสถานะแบบนี้...นายกฯมีอำนาจตรงไหน ?

สุดท้าย... ที่คุณ thyrocyte บอกว่า... คนสุจริต คิดดี ไม่พึงกระทำนั้น.... เก็บไว้บอก คนหนีทหาร... คนไม่ยอมรับเรื่องสัญชาติอังกฤษ... คนดีแต่พูด...คนพูดอย่างทำอย่าง...คนเป็นนายกฯ จากค่ายทหาร... คนไปมัลดีฟส์แต่แหล...ดีกว่าค่ะ   (นี่แค่เรื่องคนสุจริต คิดดีไม่พึงกระทำบางส่วน นิดเดียวเท่านั้นนะคะนี่)   เพราะเรื่องที่ดินรัชดานี่ การกระทำ..เป็นการกระทำที่เปิดเผย สุจริต  แต่มีคนหาเรื่องใส่ความ ป้ายสีสารพัด และสุดท้ายก็คือตีความกฎหมายแบบครอบจักรวาลเพื่อเอาผิด

 

แค่นี้ก่อนนะค่ะ...นี่นับว่าเป็นกระทู้ที่โพสต์ยาวที่สุดเลย  เพราะอยากจะชี้ให้เห็นจุดที่บางคนอาจจะ..แกล้งไม่เข้าใจ   .....มีอะไรก็ถกแย้งมาอีกนะคะ....จะรอค่ะ....

    งามพร้อม