ประเด็นของคดีอากงที่ผมจะทำการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณคนชาย ก่อนอื่นผมจะขอตัดเรื่องการตัดสินซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทิ้ง ซึ่งผมจะขอพูดคุยแสดงความคิดเห็นกับคุณคนชายเฉพาะประเด็นทางการเมืองเท่านั้นแบบสั้นๆ

ผมว่าวิกฤตความขัดแย้งในประเทศไทยที่ผ่านมา ได้สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องประชาชน การสร้างความเกลียดชังได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อครอบงำประชาชน ประชาชนหลายคนรวมไปถึงอากงได้ตกเป็นเหยื่อเข้าไปอยู่วังวงความเกลียดชังนั้น

"ในสายตาผมอากงไม่น่าจะใช่คนเลว อากงแกจึงเป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง"

อากงจะทำผิดจริงหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึง ถ้าเราลองย้อนกลับไปดูสถิติของผู้ที่ถูกจับกุมในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวภายหลังที่มีการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. คดีความเมื่อถึงที่สุดจำเลยส่วนใหญ่ล้วนแพ้คดีทั้งสิ้น

และนักโทษจะพ้นโทษพ้นคุกได้ไวที่สุด ก็คือ การยื่นถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อคำนึงถึงสถิติที่ว่านี้ ประกอบกับเรื่องอายุที่แก่ชราและสุขภาพของอากงที่เป็นโรคมะเร็ง แทนที่ทนายฝ่ายอากงจะทำการยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีและคดีความอาจจะต้องยื้อไปถึงศาลฏีกา ซึ่งไม่รู้ว่ากว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ อากงจะต้องใช้ชีวิตในคุกอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี

ดังนั้นผมอยากให้อากงทำเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ผมไม่อยากให้อากงต้องตายในคุกในระหว่างที่คดีความยังไม่ถึงที่สิ้นสุด (ไปถึงศาลฎีกา) ผมอยากให้อากงได้ออกจากคุกเพื่อมารับการรักษาโรคร้ายโดยเร็ว ผมอยากให้อากงได้ออกจากคุกเพื่อมาใช้ชีวิตบั้นปลายกับหลานๆ โดยพลัน

สุดท้าย การเอาชนะคะคานในสงครามแห่งความเกลียดชัง สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดคือ การหลอกใช้ประชาชนตาสีตาสามาเป็นเครื่องมือ เอาประชาชนตาดำๆ มาเป็นเหยื่อล่อ เวลาเสพสุข นักการเมือง นักเคลื่อนไหวก็เสวยสุขกันไป เวลามีทุกข์ คนที่รับทุกข์ก็คือประชาชนอย่างอากง