น่าคิดน่าสนใจทีเดียวที่พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ได้เสนอญัตติด่วนต่อสภาผู้แทนราษฎร
ขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ
โดยเน้น ลืมอดีต คิดแต่ปัจจุบัน สร้างอนาคตเพื่อความปรองดอง ที่ว่าน่าคิดน่าสนใจเพราะ พล.อ.สนธิ คือ อดีตประธานคมช.
ผู้นำคณะเหล่าทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 กันยายน 2549
ปัจจุบันได้ตัดสินใจเดินตามระบอบประชาธิปไตยลงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งในฐานะประธานพรรคมาตุภูมิ
และอยู่ในสภาในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน
การที่ผู้นำคณะรัฐประหารเป็นผู้เสนอและเรียกร้องให้ขับเคลื่อนกระบวนการปรองดองแห่งชาติ
ใช้วิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสภา
ย่อมแสดงให้เห็นความตั้งใจจริงที่ต้องการให้ประเทศชาติเดินต่อไปข้างหน้าได้
สอดคล้องกับคุณทักษิณที่แสดงเจตนารมย์แห่งการปรองดอง ขอให้ forgive and forget
คนหนึ่งเป็นผู้นำก่อรัฐประหาร คนหนึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลที่ถูกทำรัฐประหาร
จนกลายเป็นความร้าวฉานของประเทศมานานหลายปี
บัดนี้ทั้งสองฝ่ายแสดงเจตน์จำนงที่สอดคล้องกันเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ
จึงสมควรอย่างยิ่งที่สังคมจะเกิดความยินดีกับจุดเริ่มต้นแห่งความปรองดองนี้
อย่างน้อย ชายชาติทหารอย่างพล.อ.สนธิ ประธานพรรคมาตุภูมิ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
การทำเพื่อประเทศชาติควรทำอย่างไร เพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง
ต่างจากบางพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ไม่ยอมเปิดใจ
ดีแต่ตอกย้ำรอยร้าวฉานในสังคมโดยสร้างภาพ ผู้ร้าย เป็นสัญญลักษณ์ให้กับอดีตนายกฯ
ถ้าพรรคเก่าแก่พรรคนี้จะเลิกทำตัวเป็นตุ๊กตาอับเฉาที่คอยถ่วงเรือ
เปลี่ยนคาถามาท่องบทเดียวกับพลอ.สนธิ คือ ลืมอดีต คิดแต่ปัจจุบัน สร้างอนาคตเพื่อความปรองดอง เสียบ้าง
บางที ประเทศชาติจะได้เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องถอยหน้าถอยหลังอย่างที่เป็นอยู่เวลานี้!!