ทั้งๆที่ขั้นตอนที่ว่ามานั้น ล้วนเป็นขั้นตอนปกติของการปฏิบัติงานในการควบุคมความสงบด้วยกำลังทหาร ในพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะกทม.หรือภาคใต้ แม้ในคราวนี้จะมีการใช้หน่วยสไนเปอร์ที่ภาคใต้ไม่ได้ใช้ แต่การใช้สไนเปอร์ก็สามารถจะอ้างได้ว่าเพื่อจัดตั้งการคุ้มครองให้กับหน่วยปฏิบัติงาน

ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ ด้วยของมันเองแล้วไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายใดๆเลย แต่ในเมื่อคนที่จะกล่าวหา ไม่สามารถหาหลักฐานที่แท้จริงคือคำสั่งให้ฆ่าคน มากล่าวอ้างยืนยันได้ จึงพากันอาศัยอ้างเอาว่าขั้นตอนที่ไม่มีความผิดเกิดขึ้นนี้มาอ้างกันอย่งผิดๆ ว่ามีความผิดเกิดขึ้น

ซึ่งสามารถแจกแจงได้เป็นขั้นตอนตามลำดับเหตุการณ์และผลของแต่ละขั้นตอนที่เกิดต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนของการกระทำ	ผลที่เกิดต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน	ความรับผิดทางกฎหมาย	หลักฐานที่ปรากกฏ
1.ประกาศใช้อำนาจตามพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน	ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย	ไม่มีการละเมิดต่อกฎหมายหรือชีวิตหรือทรัพย์สินผู้ใด-->ไม่มีความผิดต่อกฎหมาย	มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2.การนำกำลังทหารติดอาวุธเข้ามา	ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย	ไม่มีการละเมิดต่อกฎหมายหรือชีวิตหรือทรัพย์สินผู้ใ-->ไม่มีความผิดต่อกฎหมาย	หนังสือคำสั่งตามปกติของหน่วยทหาร + คำให้การ
3.การที่ทหารเบิกกระสุนจริงเพื่อเตรียมใช้	ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย	ไม่มีการละเมิดต่อกฎหมายหรือชีวิตหรือทรัพย์สินผู้ใด--> ไม่มีความผิดต่อกฎหมาย	หลักฐานการเบิกจ่ายตามบัญชีเบิกจ่ายที่ปฏิบัติอยู่เดิม
4.การนำหน่วยสไนเปอร์เข้ามานำพื้นที่	ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย	ไม่มีการละเมิดต่อกฎหมายหรือชีวิตหรือทรัพย์สินผู้ใด-->ไม่มีความผิดต่อกฎหมาย	หนังสือคำสั่งตามปกติของหน่วยทหาร + คำให้การ
5.การปฏิบัติการของทหารในพื้นที่ในเหตุการณ์จริง	มีผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย	ไม่ต้องรับผิดหาก การเสียชีวิตนั้นเกิดจาก 1 ผู้ก่อความไม่สงบ เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ 2.ผู้ชุมุนมสร้างสถานการณ์เสียเองด้วยการแอบซุ่มทำร้ายประชาชนเพื่อป้ายความผิด 3.เจ้าหน้าที่ลุแก่อารมณ์หรือลุแก่อำนาจ ทำร้ายประชาชนทั้งๆที่ศอฉ.ไม่ได้มีคำสั่ง ผู้สั่งการจะต้องรับผิดหาก เป็นผู้สั่งให้มีการฆ่าโดยไม่สมเหตุผลเท่านั้น	หลักฐานจากคำสั่งศอฉ. + พยาน         ในเวลานี้ไม่มีหลักฐานว่มีคำสั่งให้ฆ่าผู้อื่น มีแต่การให้ใช้อาวุธตามกฏการใช้กำลัง ซึ่งพรก.ฉุกเฉินคุ้มครอง

เฉพาะแต่เมื่อหาหลักฐานมาได้เท่านั้นว่า มีการสั่งฆ่าจริงจากมาร์คหรือสุเทพในขั้นตอนที่ 5 จึงจะทำให้ขั้นตอนที่ 1ถึง 4 ตกอยู่ในขั้นเตรียมกระทำความผิด แต่หากคนเสื้อแดงไม่สามารถหาหลักฐานมาได้ว่ามีการสั่งให้ฆ่าคนจริง ขั้นตอนที่ 5 ย่อมไม่ผิด และขั้นตอนที่ 1 ถึง 4 ก็ไม่ผิดด้วยมันเอง และไม่ใช่การเตรียมกระทำความผิด หากขั้นตอนที่ 5 ไม่ผิด

แต่อาจจะต้องเห็นใจที่เวลานี้ คนเสื้อแดงไม่มีหลักฐานสำคัญในขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือขั้นตอนสุดท้าย จึงต้องอาศัยอ้างกันไปอย่างผิดๆ ว่าทุกขั้นตอนว่าเป็นการกระทำเพื่อฆ่าคนไปเสียหมด

เพียงเพื่อระบายอารมณ์ของตน  ก็เท่านั้น