คดีอากง ฟันธงว่า สุดท้ายก็ "หลุด" ครับ
|
 |
ยกที่หนึ่ง ที่ผ่านมา มีแต่ "เจ๊า" กับ "เจ๊ง" ครับ
หลักฐานไม่แน่นหนาพอ ทั้งโจกท์และจำเลย แต่ที่ผลการตัดสินเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะ 1. คดีแบบนี้ ยังไม่เคยมีใครชนะ ศาลตัดสินลงโทษหมดครับ ไม่ก็จำเลยรับสารภาพ หวังให้ศาลลดหย่อนโทษ 2. คดีแบบนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นทนายและพยานให้จำเลย 3. การใช้หลักฐานทางเทคโนโลยีการสื่อสารแบบนี้ ถือเป็นสิ่งใหม่ และอาจจะเป็นครั้งแรกในกระบวนการยุติธรรมเลยก็น่าจะได้ ตรงนี้อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายโจกท์ ที่ยกประเด็นนี้มาต่อสู้คดี ทางฝ่ายจำเลยซึ่งไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ศาลอาจจะมองว่า หลักฐานฝ่ายโจกท์มีน้ำหนักมากกว่า
แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ หมูไม่กลัวน้ำร้อน จำเลยต่อสู้คดีและไม่ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิด ทางโจกท์เองที่นำหลักฐานทางเทคโนโลยีมาต่อสู้นั้น ในทางหลักวิศวกรรมและเทคโนโลยีก็ยังไม่รับประกันได้ว่า เป็นหลักฐานผูกมัดได้อย่างแท้จริง เพราะมีตัวแปรหลายอย่าง ทั้งเลขอีมี่ที่ปลอมแปลงได้ ทั้งเลขซิมและะตัวซิมที่ยังหาไม่เจอ อีกทั้งแม้เครือข่ายจะมีlogการเชื่อมต่อและการส่งข้อมูล แต่ตัวเซลส์ไซต์เองก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของโทรศัพท์ได้อย่างถูกต้อง100% ที่สำคัญก็คือ ในขณะนั้น เจ้าของเครื่องเป็นผู้กระทำความผิดนั้นด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่งทางโจกท์ก็ไม่มีหลักฐานหรือนำสืบในจุดนี้ได้ ทำได้เพียงแต่ "สงสัยว่า" "คาดว่า" หรือ "น่าจะ" เพียงเท่านั้น ซึ่งในทางกฏหมายแล้ว คงทราบกันดีว่า ไม่สามารถที่จะระบุตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน
การยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู็คดีในครั้งต่อไป จึงมีระยะเวลานานพอที่ทางจำเลยจะสามารถนำคำตัดสินและหลักฐานทางฝ่ายโจกท์มาพิจราณาเพื่อหาช่องทางต่อสู้ได้ และเนื่องจากคดีนี้เป็นที่น่าจับตาและมีผู้เห็นใจจำเลยเป็นอย่างมาก ก็อาจจะมีผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเข้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีและมีผู้สนใจให้ความเห็นทางข้อกฏหมายมากมายซึ่งค่อนข้างจะเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดีของ อากง อยู่ไม่น้อย
เท่าที่ทราบ พยานของฝ่ายโจกท์เองก็ยังไม่สามารถที่จะยืนยันได้ชัดเจนว่า ข้อมูลของทางเครือข่ายที่มี log เลขอีมี่ เลขโค้ดของซิมการ์ด การระบุตำแหน่งของโทรศัพท์ซึ่งทำได้เพียงคร่าวๆ นั้นสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นการกระทำผิดของจำเลยได้100% ซึ่งหากไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ๆที่มีน้ำหนักพอ และทางทนายอากงทำการบ้านมาดีแล้วล่ะก็ ยก2 อากงชนะแน่
สำหรับปัจจัยนอกคดี เท่าที่เห็น ขณะนี้คดีนี้เป็นที่จับตาและพูดถึงกันมากในแทบทุกภาคส่วน ซึ่งกระแสค่อนข้างออกมาเป็นลบ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับ ม.112 ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความรุนแรงของบทลงโทษที่จำเลยได้รับ แต่เป็นเรื่องความแน่นหนา ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานชิ้นนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับทราบถึงคดีนี้ต่างมีข้อสงสัยว่า หากเจ้าของโทรศัพท์กระทำความผิดจริงจะทราบได้อย่างไร และถ้าหากเจ้าของโทรศัพท์ไม่ได้กระทำความผิดจริง จะทราบได้อย่างไร และหากเจ้าของโทรศัพท์ไม่ได้กระทำความผิดจริงและไม่สามารถหาผู็กระทำผิดตัวจริงได้ เจ้าของโทรศัพท์จะต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลและต้องระมัดระวังในการใช้โทรศัพท์ในที่สาธารณะเป็นอย่างมาก หากหลักฐานที่โจกท์นำมานั้น เป็นหลักฐานที่ยอมรับและเชื่อถือได้ ซึ่งแตกต่างกันในประเทศอื่นๆนั้น หลักฐานเหล่านั้นกลับไม่มีน้ำหนักจนสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีได้
ถ้าหากมีคำตัดสินออกมาเหมือนเดิม ด้วยพยานหลักฐานเดิม งานนี้มีแต่ "เจ๊ง" กับ "เจ๊ง" เท่านั้น
กะจะเชือดไก่ซะหน่อย มีดบาดมือซะงั้น 
จากคุณ |
:
penn's
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ธ.ค. 54 02:36:59
A:61.90.71.71 X:
|
|
|
|