>>> ได้มีโอกาสไปฟังการสัมมนาเรื่องการเตรียมพร้อมที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ AEC ซึ่งย่อมาจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community:AEC ในอีก 3 ปีข้างหน้าคือปี 2558
ในเวลานั้น ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกันหมด.. ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ รวมถึงปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราภาษี จะเป็น 0 % นักลงทุนอาเซียน สามารถถือหุ้นในธุรกิจบริการสาขาต่างๆ ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 % และลดเลิกข้อจำกัด / อุปสรรคในการให้บริการทุกรูปแบบ ตามกรอบความตกลงการค้าของอาเซียน ที่เรี่ยกว่า AFAS
ประชาชนชาวอาเซียน รวมทั้งไทยด้วย สามารถเดินทางโดยรถไฟ หรือรถไฟด่วนพิเศษและถนนที่จะเชื่อมต่อถึงกันหมด จากสิงคโปร์ มาเลเซียไทย กัมพูชา เวียตนาม ลาว ไปจนถึงเมืองจีนทางใต้คือคุณหมิง หรือจากกรุงเทพฯ ขึ้นเหนือยิงตรงไปที่ประเทศจีนเลย
ในขณะที่ฝั่งตะว้นตกก็จะมีถนน เชื่อมต่อจากไทย ไปพม่าทีเมืองมันดะเลย์และเลยไปถึงอินเดีย
.....ทีตะเข็บชายแดนของเมืองมะนีปุระ และอินฟา
เราจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยจะเหมือนเป็นศูนย์กลางของระบบการคมนาคมขนส่ง
นั่นหมายถึงโอกาสในเชิงภูมิศาสตร์จะเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทย และโอกาสอื่นๆ ก็จะตามมา อาทิเช่น โอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเทียวและการโรงแรม โลจิสติกส์ การศึกษาและด้านสุขภาพ และคาดว่าจะการรวมตัวของประเทศในกลุ่มอาเซียนนี้ จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากกาค้าข้ามชายแดนมีมูลค่ามากกว่า 1.25 ล้านล้านบาท ในปี 2558
จุดเปลี่ยนของประเทศในกลุ่มอาเซียนคือ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกประชาคม ภายใต้การรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ( HARMONIZED SYSTEM)
ในปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศได้มีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะนำพาประเทศเข้าสู่ยุค AEC แล้ว เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ประเทศที่ประชากรมีศักยภาพสูง ประเทศที่มีระบบเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยกว่า มีระบบการจัดการที่รวดเร็วในด้านการค้า การบริหารจัดการและข้อมูลข่าวสารก็จะได้เปรียบ....
การรวมตัวครั้งนี้ (ตามความคิดส่วนตัว)ประเทศที่ดูจะได้เปรียบมากที่สุดเห็นจะเป็นประเทศจีน ซึ่งนอกจากคนจีนจะค้าขายเก่งแล้ว ยังมีการดำเนินงานที่รวดเร็วฉับไว และมีระบบระเบียบ มีแรงงานรองรับสูง ผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมาก
อีกประเทศหนึ่งก็เห็นจะเป็นสิงคโปร์ ที่มีการบริหารการจัดการเป็นเลิศ แม้ประเทศจะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเลย แต่ก็เป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตสูง มีการจัดระบบการศึกษาที่ดี มีความโปร่งใสในการบริหารราชการ เป็นเลิศในด้านการค้า การบริการ และภาษา.....
เคยมีระดับผู้บริหารด้านการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ท่านหนึ่งกล่าวให้ฟังว่า
นายกของประเทศไทยที่พวกเขายอมรับว่าเก่ง มีความสามารถเป็นเลิศ และเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด หากเข้าสู่ยุค AEC ก็คือนายกทักษิณ ชินวัตร
ยังแอบหวังในใจว่า หากในอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อมีการรวมตัวกันเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจแล้วผู้ประกอบการ SMES และผู้ค้าขายและผู้ประกอบการธุรกิจของไทยอาจเสียเปรียบทางการค้าและการลงทุน หากไม่ทันเกมส์ของชาติอื่นๆ เพราะเมื่อทุกประเทศมีโอกาสที่เท่าเทียมกันแล้ว ผู้แข็งแกร่งกว่า
ผู้มีความพร้อมกว่าย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ....ก็หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น นายกทักษิณ ชินวัตร จะได้กลับมา
เป็นนายกของประเทศไทย นำพาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าและอยู่รอดได้อย่างภาคภูมิในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 ที่ใกล้จะถึงในไม่อีกกี่ปีข้างหน้านี้
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 54 17:02:55