แต่การเพิกถอนหนังสือเดินทาง มิใช่จะเป็นการยกเลิกความเป็นคนไทยของเขา หรือไม่ให้เขากลับมาประเทศไทย อย่างที่สมาชิกเข้าใจในกระทู้ P11477862 ทั้งนี้เพราะความเป็นคนไทยสัญชาติไทยก็ยังคงอยู่ เพราะมิได้ถูกกำหนดโดยหนังสือเดินทาง หนังสือเดินทางเป็นเพียงเอกสารช่วยในการแสดงตัวตนเท่านั้น หากใช้เอกสารนี้ไปในทางที่เหมาะสม รัฐย่อมไม่ไปยกเลิก การยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นเพียงการยกเลิกเอกสารที่จะช่วยการแสดงตัวตน เพื่อบังคับทางอ้อมให้คนผู้นั้นเดินทางกลับประเทศไทย  ไม่ใช่การพยายามไปยกเลิกตัวตนของใคร อีกทั้ง การเดินทางกลับเมืองไทยยิ่งจะถูกเร่งให้กระทำมากขึ้นหลังหนังสือเดินทางถูกยกเลิก

      เอกสารเดินทาง(Certificate of Identity) แทนหนังสือเดินทาง(Passport)

เพราะกรณีคนทั่วไปที่ไม่ใช่คุณทักษิณ พอถูกยกเลิกหนังสือเดินทาง สิ่งที่ต้องทำสำหรับคนทั่วๆไปก็คือ ไปสถานทูตหรือสถานกงสุล ให้เขาออกเอกสารเดินทาง(Certificate of Identity) ซึ่งจะเป็นเอกสารแสดงตัวตนอีกแบบหนึ่งคล้ายๆหนังสือเดินทาง แต่จะให้ใช้สำหรับเดินทางกลับประเทศไทยได้ครั้งเดียวเท่านั้น  โดยจะมีอายุการใช้งาน 10 วันนับจากวันที่ออกให้  เพื่อให้คนผู้นั้น ติดต่อทำธุระที่ค้างคาในต่างประเทศให้เสร็จ การใดที่ต้องใช้เอกสารแสดงตัวตน ก็สามารถใช้ เอกสารเดินทาง(Certificate of Identity)  ความเป็นตัวตนคนสัญชาติไทยมิได้สูญหายไปอย่างที่มีคนเข้าใจผิดๆ เพียงแต่ระยะเวลาของเอกสารแสดงตัวตนนี้จะสั้น เพื่อมิให้คนผู้นั้นกระทำการอะไรเกินเลยไปอีก และไม่สามารถจะหนีเดินทางไปที่อื่นใดได้ นอกจากจะกลับมาประเทศไทย

 แต่คุณทักษิณไม่เลือกวิธีนี้ เพราะมีช่องทางอื่นคือหาหนังสือเดินทางของประเทศอื่นมาใช้ ซึ่งก็เป็นสิทธิของคุณทักษิณ แต่ก็เป็นความชอบธรรมที่ทางราชการจะยกเลิกหนังสือเดินทางของคนสัญชาติไทย ที่ทางราชการพิจารณาแล้วว่า จะก่อความเสียหาย หากอยู่ในต่างประเทศ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีหมายอาญาหรือไม่มี จะมีคำสี่งศาลหรือไม่มี

แต่เรื่องนี้  ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความพยายามจะยกเลิกความเป็นคนไทยของเขา หรือไม่ให้เขากลับมาประเทศไทย อย่างที่มีผู้เข้าใจแบบนั้นเลย

อนึ่ง ในรัฐบาลมาร์คมีการยกเลิกหนังสือเดินทางทักษิณโดยอำนาจตาม ข้อ ๒๓ ที่ว่า...พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกและเรียกคืนหนังสือเดินทางได้ เมื่อปรากฏ ... (๗) พิจารณาเห็นว่า หากให้ผู้ถือหนังสือเดินทางยังคงอยู่ในต่างประเทศต่อไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยหรือต่างประเทศได  ซึ่งตรงนี้ เท่ากับว่ากฏหมายให้เป็นอำนาจดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตรงนี้ หากผู้ที่ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางรู้สึกว่าการเพิกถอนนั้นกระทำโดยมิชอบ ย่อมมีสิทธิจะฟ้องร้องต่อศาลที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองในกรณีใช้บังคับการเพิกถอน หรือศาลแพ่งหากมีความเสียหายเกิดขึ้น หรือศาลอาญา หากมั่นใจว่าเป้ฯการกลั่นแกล้งโดยมิสมควร กรณีคุณทักษิณหากมั่นใจว่าการเพิกถอนมิชอบธรรมย่อมฟ้องร้องได้ดังที่ว่า แต่หากการเพิกถอนนั้นกระทำไปโดยมีเหตุอันสมควรจริง ผู้ถูกถอนก็คงไม่กล้าฟ้องเป็นแน่   กรณีคุณทักษิณถูก รมต.กษิต สั่งเพิกถอนหลังเหตุจลาจลเมื่อเมษายน 2552 ต้องถามว่าคณทักษิณมั่นใจหรือไม่ว่าตนเองมิได้มีส่วนในความวุ่นวายในเหตุจลาจลในครั้งนั้น ในขณะที่ตนเองหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ หากมั่นใจและคิดว่าคุณกษิตดำเนินการเพิกถอนโดยมิชอบ ก็น่าจะให้คุณนพพดล เป็นตัวแทนทำการฟ้องร้องคุณกษิตเสียสิ

.

แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 23:26:17