ของหวาน-ของขม คืนพาสปอร์ต "ทักษิณ" ปชป.-พท. ทีใครทีมัน
มติชน 20 ธันวาคม 2554
ดูเหมือนว่า กรณีการ "คืนพาสปอร์ต" ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะกลายเป็น "ขนมหวาน" ชิ้นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์
หลัง "ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดประเด็นว่ามี "อีแอบ" ซึ่งเป็นคนในกระทรวงการต่างประเทศ ส่งอีเมล์แจ้งข่าวว่า "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" รมว.การต่างประเทศ เซ็นคำสั่งคืนพาสปอร์ต (เล่มน้ำตาล) ให้ พ.ต.ท.ทักษิณไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา
พรรคประชาธิปัตย์ ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษหนีคดี
ที่ศาลสั่่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นจะได้รับอนุญาตจากศาล
ทำให้เมื่อ 12 เมษายน 2552 "กษิต ภิรมย์" รมว.การต่างประเทศขณะนั้น ใช้ระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 23(7) "ยึดคืน" พาสปอร์ต พ.ต.ท.ทุกษิณ ทุกเล่ม
ที่เนื้อหาระบุ "..เจ้าหน้าที่สามารถเรียกคืนหนังสือเดินทาง หากพิจารณาเห็นว่าหากผู้ถือหนังสือเดินทางยังคงอยู่ในต่างประเทศต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศไทยหรือต่างประเทศได้.."
การคืนพาสปอร์ตครั้งนี้ "สุรพงษ์" ก็อาศัยมาตราเดียวกันเพื่อปลดล็อก
ด้วยเหตุผลที่ว่าการพำนักอยู่ในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
พร้อมระบุว่าดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการทุกอย่าง เริ่มจาก พ.ต.ท.ทักษิณยื่นคำร้องขอพาสปอร์ตทั่วไปต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม
จะเห็นว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ คือกลเกมทางการเมือง ที่เข้าลักษณะ "ทีใครทีมัน"
โดยมี "ช่องทาง" ของกฎหมายเปิดให้เป็น "ดุลพินิจ-อำนาจ" ของกระทรวงการต่างประเทศ ในการพิจารณาคืน-ไม่คืนพาสปอร์ต
ไม่ได้เกี่ยวกับคดีใดๆ ที่ติดตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
ดังคำให้สัมภาษณ์ของ "สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ" โฆษกศาลยุติธรรม ที่ยืนยันว่า ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกคำสั่งของศาลขณะนั้น เพื่อป้องกันจำเลยหลบหนี
พร้อมอธิบายว่า "หมายศาลที่ออกเป็นการออกคำสั่งในคดี ไม่เกี่ยวกับการออกหนังสือเดินทาง การเพิกถอนหรือออกหนังสือเดินทางเป็นอำนาจความรับผิดชอบกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่หน้าที่ศาล"
นั่นคือหลักเกณฑ์
ฉะนั้น "ของหวาน" ที่ว่า อาจต้องกลายเป็น "ของขม" ไปในบัดดล
เพราะ หนึ่ง กฎหมายให้อำนาจ รมว.การต่างประเทศ ในการใช้ "ดุลพินิจ"
ทั้งดุลพินิจ ของ "กษิต" และดุลพินิจของ "สุรพงษ์" แม้จะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ขัดต่อกฎหรือระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ
สอง คดีอาญาที่ พ.ต.ท.ทักษิณหลบหนีคดีอยู่ ก็ยังคงเป็นคดีที่ติดตัวอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวพันกับการคืน-ไม่คืนพาสปอร์ต เพราะไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้พาสปอร์ตคืน หรือไม่ได้คืน ก็ไม่ได้หมายความว่า คดีจะสิ้นสุดลง
สาม หลายคดีสำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคดีพี่ชายของนักการเมืองคนสำคัญในภาคอีสาน ที่หนีคดี "ฆ่าคนตาย"
หรือคดี "ปิ่น จักกะพาก" อดีตพ่อมดทางการเงินของไทย ที่ถูกข้อหายักยอกทุจริตและฉ้อโกงทรัพย์ ตามความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ 2522 ค่าเสียหาย 2,127 ล้านบาท
"ปิ่น" หลบหนีออกจากประเทศไทยปลายปี 2541 ปัจจุบันยังประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาให้นักลงทุนต่างๆ ในอังกฤษและยุโรป โดยที่ยังคงถือพาสปอร์ตไทย
ดังนั้น การออกมาเปิดเกมของพรรคประชาธิปัตย์ จึงแค่หวังผลทางการเมืองที่ "สุรพงษ์" เปิดช่องให้เห็นไม่ว่าจะเป็น ความเร่งรีบในการคืนพาสปอร์ต โดย พ.ต.ท.ทักษิณทำเรื่องขอ 25 ตุลาคม ออกให้ทันที 26 ตุลาคม 2554
รวมถึงอาการ "ปกปิด" ไม่บอกสังคม จนต้องมีการออกมาแฉ
แต่กระทรวงการต่างประเทศก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้การคืนพาสปอร์ตครั้งนี้จึงเป็นการ "ปลุกชีวิต" พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง
จะเห็นได้จากรอบเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางในต่างประเทศนานถึง 28 วัน
ทั้งในเกาหลีใต้ จีน สิงคโปร์ กัมพูชา พม่า อินเดีย เนปาล
แว่วมาว่า สหรัฐอเมริกา รวมถึงอังกฤษ กำลังจะให้วีซ่าแก่ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าออกประเทศได้อย่างปกติ ก่อนสิ้นปี 2554
โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณมีดิวกับกลุ่มนักธุรกิจ ที่ติดต่อเชื้อเชิญให้ไปซื้อสโมสรในพรีเมียลีกส์ ที่กำลังอยู่ในอาการร่อแร่ที่ชื่อ "วีแกน"
ฉะนั้น การคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า เป็นเกมการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
ที่เข้าลักษณะ "ทีใครทีมัน" เท่านั้นเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324367809&grpid=01&catid=&subcatid=
คุณเด็กรู้ทัน กระทู้นี้ของคุณ "ออกอาการ" ไหม ?
เรื่องเล็กนิดเดียว การคืน Passport ให้อดีตนายก ฯ ทักษิณ
ดูที่ "มติชน" เขาสรุปสิคะ "ทีใครทีมัน" เท่านั้นเอง
ย้อนวันที่ คุณกษิต ... เข้ารับตำแหน่ง รมต. ต่างประเทศ
ทำอะไรบ้าง นอกจากตามล่า อดีตนายก ฯ ทักษิณ
แบบสุดล่าฟ้่าเขียว ..... แจ้งตำรวจสากล ขอร้องกี่ประเทศ
ให้ส่งตัว "ผู้ร้ายข้ามแดน" เฮ้ออออ..... ไม่ได้ผล
สุดท้ายก็ยึด Passport ใช่ไหม ?