 |
" ตัวแทนเชิด + กองทุนลับ + ข้อมูลภายใน + ยักยอกอำนาจรัฐ = ความร่ำรวยของทักษิณ" ตอนที่2 อิอิ
|
 |
http://www.thaipost.net/news/110409/3056 5.ระบอบทักษิณ 5.1 กำเนิดความร่ำรวยของทักษิณ ถ้าทักษิณยังเป็นแค่พ่อค้าฉ้อฉลที่ไม่มีอำนาจ ยังต้องคอยกราบกรานเกาะบิ๊กจอร์จ หรือกอดคอขอความช่วยเหลือจากรัฐมนตรีเฉลิม อยู่บำรุง เหมือนในอดีตเท่านั้น เขาก็คงทำร้ายเราไม่ได้เท่าใด หรือถ้าเขาเป็นแค่นักการเมืองฉ้อฉลฝีมือเฉียบขาดพูดให้ลิงหลับได้ แต่ว่าไม่มีเงิน เสกเงินจากอากาศไม่เป็น ต้องเกาะตระกูลเศรษฐี เช่น ธรรมวัฒนะ เป็นนายทุน บ้านนี้เมืองนี้คงไม่เสียหายเท่าใดอีกเช่นกัน แต่เมื่อความสามารถในทางฉ้อฉลทั้งในการใช้เงินและในการใช้อำนาจได้รวมอยู่ในคนๆ เดียวกันเมื่อใดแล้ว ประเทศไทยก็ต้องหายนะถึงสองเด้งอย่างแน่นอน กำเนิด "ระบอบทักษิณ" อยู่ตรงจุดนี้ ตรงจุดที่ความฉ้อฉลสองชนิดนี้คูณตัวเข้าด้วยกัน มีเงินก็ใช้เงินจนได้อำนาจโดยฉ้อฉล เมื่อได้อำนาจแล้วก็ใช้อำนาจนั้นหาเงินโดยฉ้อฉลอีก ยิ่งมีเงินก็ยิ่งได้อำนาจ ยิ่งได้อำนาจก็ยิ่งมีเงิน หมุนวนพัฒนาทั้งปริมาณและคุณภาพยกระดับความฉ้อฉลขึ้นไปไม่มีหยุดยั้ง หวนทบทวนเมื่อใดก็พบได้ทันทีว่า นายกฯ ทักษิณ ในปีที่ 1 กับปีที่ 6 นั้น ต่างกันจนจำแทบไม่ได้เลยทีเดียว ป่วยการ...ที่จะพร่ำชี้บ่นว่า สังคมการเมืองไทยนั้นอ่อนแอทางความคิด ความเคลื่อนไหว เพราะลำพังคำพูดนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี...ที่จะร่างรัฐธรรมนูญที่มีประสิทธิภาพปฏิรูปการเมืองขึ้นมาให้จงได้ เพราะสังคมนั้นเปลี่ยนกฎหมายได้ แต่กฎหมายนั้นเปลี่ยนสังคมไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือการเดินทางไกล และเรียนรู้ร่วมกัน แต่เรากลับถูกระบอบทักษิณมาสิงสู่ให้ทรุดโทรม ฟั่นเฟือน และแตกแยก เราจะขับไล่ปีศาจตนนี้ออกไปจากร่างกาย จิตใจ ของบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร...นี่คือโจทย์ที่ชัดเจนเพียงประการเดียวเท่านั้น (เอาจริงแล้วหรือนี่...เฮ้ย...เฮ้ย...พวกพันธมิตรโผล่มาอีกแล้วโว้ย) 5.2 ภารกิจยับยั้งระบอบทักษิณ หนังสือเล่มนี้ไม่ต้องการให้ใครมารวมตัวสนับสนุนเป็นขบวนการพันธมิตร หรือเป็นอ่างขนมรวมมิตรใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่ต้องการเพียงแค่สื่อสารให้คนที่ยังรู้จักคิดอ่าน รู้จักห่วงลูกหลานได้ขบคิดโดยเสรีเท่านั้นว่า นี่คือความจริงใช่ไหม และตัวคุณเองควรจะทำและทำอะไรได้บ้างเท่านั้น หากเห็นตรงกันว่านี่คือปีศาจที่ต้องขับไล่ออกไป ก็ต้องรู้จักจุดอ่อนของปีศาจตนนี้ให้กระจ่างต่อไปด้วยว่า ในที่สุดของที่สุดแล้วสิ่งที่ระบอบนี้กลัวที่สุดก็คือการเปิดโปงอย่างถึงรากถึงโคนนั่นเอง กล่าวคือ คนในระบอบทักษิณเป็นคนที่หลอกลวงตนเอง ตั้งแต่ทักษิณลงไปถึงรัฐมนตรี ถึงกรรมการบริหารพรรค ถึง ส.ส.และบรรดาหัวคะแนนทั้งปวง คนเหล่านี้รู้ดีว่าตนกำลังร่วมอยู่ในขบวนการโกงกินชาติและเอาเปรียบผู้อื่น แต่ด้วยความอยากมีอยากได้และการชิงดีชิงเด่น ก็ทำให้เขาเหล่านั้นยอมตัวอยู่ใต้อำนาจของคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร การยอมตนลงเป็นเช่นทาส หรือบริวารเช่นนี้ ในเบื้องลึกจะทำให้พวกเขาอยู่กับสติปัญญา ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตนเองได้ลำบากมาก จนก่อเกิดเป็นความพยายามหลอกลวงตนเอง พยายามหาคำอธิบายมาปลอบใจตนเองว่าระบอบนี้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ชี้ชวนให้แก้ตัวให้ตัวเองจนหลงเชื่อไปจริงๆ ว่า ความเชื่อจากจิตใจอันเจ็บป่วยของตนนั้นเป็นความจริง ส.ส.ไทยรักไทยทั้งหลายนั้นไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม ส.ส.หญิงจากกาฬสินธุ์จึงโหวดงดออกเสียงในญัตติอภิปรายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในคดีโกง ซีทีเอ็กซ์ พวกเขายังไม่เข้าใจพระเปรมศักดิ์อีกเช่นกันว่าลาออกจากพรรคทำไม เหตุทั้งนี้ก็เพราะพวกเขาได้ตกลงไปในวังวนแห่งการชวนเชื่อ หลอกตนเองไปเสียแล้ว จนไม่มีความคิดเสรีที่จะเข้าใจท่านทั้งสองได้เลยว่า นี่คือเสรีชนที่ยึดมั่นว่าตนจะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่ต่อพรรคหรือต่อทักษิณ การยืนหยัดของท่านทั้งสองจึงเป็นสิ่งเสียดแทง เปิดโปงถึงตัวตนคนอันเจ็บป่วยไร้ศักดิ์ศรีของ ส.ส.ไทยรักไทย จนพวกเขาแทบจะทนทานไม่ได้ จึงพากันใช้พลังหมู่มาบีบคั้น ตำหนิ ทำลายตัวตนของท่านทั้งสองลงไปให้ได้ อย่างไม่ปรานีเลย โสเภณีที่ขายตัวในราคาแพง แล้วหลอกตัวเองว่าการได้ราคาแพงๆ นี้คือสิ่งที่น่าภูมิใจสำหรับตนเองนั้น ยังดีกว่าคนในระบอบทักษิณมากมายนัก เพราะพวกเธอไม่ทำร้ายบ้านเมืองแต่อย่างใดเลย ตรงข้ามกับคนอย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง ที่รู้ดีว่าทักษิณทำอะไรกับพี่น้องสามจังหวัด และน่าจะเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งยิ่ง ที่ทักษิณไม่รับฟังข้อมูลและข้อเสนอที่เขาใช้เกียรติยศรวบรวมมา แต่เขาก็ไม่ยอมลาออกและเชิดหน้าต่อสู้กับ คมช.ว่า ระบอบทักษิณ คือระบอบประชาธิปไตย (เพราะมาจากเลือกตั้ง?) อยู่จนทุกวันนี้ อดีตสหาย พคท.ทั้งหลายก็ประสบเช่นนั้น และพูดเช่นนั้นเหมือนกันทั้งหมดนี้ ถ้าไม่ใช่ความเจ็บป่วยจากการหลอกตัวเองเพื่อหนีความสำนึกในตัวตนอันน่าเวทนาแล้ว จะหาอะไรมาอธิบายได้อีก จนบัดนี้หลายคนยังมองไม่ออกว่า อดีตสหายซ้ายจัดมารวมกับคนขวาจัดได้อย่างไร? คำตอบนั้นอยู่ที่ "ความจัด" อันเป็นตัวร่วมว่า ซ้ายหรือขวานั้นเป็นเพียงเสื้อวินสำหรับพวกเขา ตัวจริงของเขากลับเหมือนกับเป็นพิมพ์เดียว ตรงที่ต่างก็มีปัญหากับตัวตน เพราะทะเยอทะยานใฝ่อำนาจจนเกินตัว จนอยู่กับตัวตนของตนเองไม่ได้ ต้องหนีตัวเองไปเชื่อและทุ่มเทกับขบวนการใดก็ได้ จนอยากเชื่ออะไรก็จะเชื่อจน "จัด" ไปหมดเท่านั้นเอง ระบอบทักษิณกำลังพยายามพัฒนาขบวนการมวลชน ทักษิณและคณะนำมีทักษะสูงยิ่งในการคัดสรรและลอกแบบซึ่งเทคโนโลยีทางอำนาจต่างๆ ทั้งจากกลยุทธในตำราบริหารธุรกิจ และกลยุทธมวลชนของฝ่ายซ้าย และเอ็นจีโอ ในยามครองอำนาจนั้นกลยุทธการตลาดย่อมเป็นตัวชี้นำ แต่ในยามต่อสู้แล้วกลยุทธมวลชนต้องขึ้นมาแทนที่ ต้องย้ำความสิ้นหวังอับจนของมวลชน ต้องอธิบายสาเหตุชี้เป้าหมายหรือซาตานที่มวลชนต่อสู้ โดยมีการปะทะ เสียสละให้เห็นจริงจัง จนเมื่อยกพวกไปปาบ้านประธานองคมนตรีจนตีกับตำรวจได้ ก็รู้สึกเป็นชัยชนะที่สามารถกระชากหน้ากากฟาสซิสต์ได้สำเร็จ รำวงกันยกใหญ่ ด้านความถี่ก็ต้องเคลื่อนไหวต่อเนื่องไม่มีหยุด เพื่อให้สมาชิกเชื่อว่าขบวนการของเรากำลังเดินทาง ข่าวสารจากท่านผู้นำต้องทยอยมาปลอบประโลมให้คึกคักอย่างได้ขาด พร้อมค่าโสหุ้ยอันเพียงพอที่จะแสดงถึงความเอื้ออาทรจากใจจริง ปัจจัยจัดตั้งมวลชนทั้งหมดนี้ ทักษิณและคณะนำได้นำมาใช้โดยเต็มกำลัง เมื่อปักหลักที่สนามหลวงได้แล้ว ก็จะกระจายต่อไปยังชัยภูมิต่างจังหวัด ทั้งในช่วงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และในช่วงปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ที่ขบวนการจะปรากฏตัวแสดงพลัง แปรทุกอย่าง ทุกเรื่องในทุกสนามต่อสู้ให้เป็นขบวนการต่อสู้กับเผด็จการอำมาตยาธิปไตยทุกครั้งไป ไม่มีวันสิ้นสุด กลยุทธมวลชนปฏิวัตินี้ จะสามารถใช้ได้ผลจนเกิดเป็นพลังมวลชนที่แท้จริงได้สำเร็จหรือไม่นั้น เป็นคำถามลอยๆ ที่ไม่ควรจะถาม เพราะคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับการต่อสู้ของผู้คนในชีวิตปกติเป็นสำคัญว่า จะสามารถต่อสู้ทางจิตวิทยาจนโดดเดี่ยวขบวนการนี้จากประชาชนได้หรือไม่ เพียงใด หรือจะหน้ามืดเข้าไปต่อสู้โดยพลาดพลั้งจนกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับสร้างมวลชนป้อนให้ขบวนการนี้ขึ้นมาเสียเอง 6.เปิดโปงระบอบทักษิณ 6.1 กลไกทางกฎหมาย การต่อสู้กับระบอบทักษิณต้องเอาความเป็นปกติสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตใจของพวกเขา เปิดโปงความจริงให้เขาต้องโดดเดี่ยวอยู่กับความคับแค้นที่ไม่มีทางออก กลไกทางกฎหมายคือกระบวนการเปิดโปงความจริง ที่ใช้ได้ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ข้อมูลที่เราได้รวบรวมชี้ช่องไว้ให้แล้วนั้น มีคุณภาพถึงขั้นพัฒนาเป็นการดำเนินคดีได้ทุกมูลกรณี อำนาจสอบสวนทั้งในทางบริหาร, รัฐสภา และตำรวจ จะต้องถูกปลุกและระดมมาใช้สอบสวนแล้วรายงานประชาชนอย่างเต็มอัตราเร่ง ผู้บริหารที่เป็นบริวารสำคัญของระบอบทักษิณ ในองค์กรเป้าหมาย เช่น กลต., คลัง, ผอ.กองสลาก, ทศท. กสท. บสท., สำนักงานอัยการ ต้องถูกปลดถ่ายแทนที่ด้วยการสอบสวนขนานใหญ่ ขยายผลรายงานต่อสาธารณชนเป็นระยะ เลิกเสียที...พอกันทีกับการเหมาและโยนงานชำระล้างบ้านเมืองให้กับการประชุมไปวันๆ ของคนหยิบมือเดียวใน คตส.หรือ ป.ป.ช. 6.2 สาส์นประชาชน ขอให้ทุกท่านที่ยังรักบ้านเมือง ห่วงลูกหลาน และเห็นว่าข่าวสารในครั้งนี้มีค่าควรแก่การเรียนรู้ร่วมกันเพื่อความเท่าทันต่อระบอบทักษิณ ได้ช่วยกันทำซ้ำและเผยแพร่เอกสารนี้ไปยัง ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน ให้ได้ศึกษาและช่วยเผยแพร่กันต่อไปจนเป็นห่วงโซ่แห่งสาส์นประชาชนที่ทรงพลัง เราไม่ขอเรียกร้องปลุกระดมให้ใครทำอะไร เพราะแต่ละท่านก็มีวิจารณญาณ มีความเคลื่อนไหวได้ตามจิตสำนึกแห่งตนอยู่แล้ว ขอได้โปรดอ่าน "ทักษิณ...Who are you?" สักสองรอบ แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า Who I am จากนั้นจึงขบคิดใคร่ครวญลงมือทำไปตามจิตสำนึกแห่งตนต่อไป เพียงเท่านี้...ก็เป็นอันเสร็จภารกิจของท่านในฐานะที่เป็นเสรีชนผู้ตื่นรู้แล้ว... ด้วยจิตคารวะ กลุ่ม "Thaksin watch" ---------------------------------------------------------------------------------
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ ยิ่งเห็นความเลวร้าย ยังไม่หมดจ้า ยังมีภาคผนวกด้วยครับ อิอิ
จากคุณ |
:
คนชาย
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ธ.ค. 54 12:22:23
A:223.205.59.157 X:
|
|
|
|  |