+++++ ความสูญเสียที่รัฐบาลไม่อยากให้เกิด แต่จำต้องยอมเสี่ยง เพื่อคนความสงบและกฏระเบียบแก่สังคม+++++
|
 |
เหตุผลในการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ก็เพราะมีความไม่สงบมีสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ไม่ใช่การชุมนุมธรรมดาทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ โดยที่ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มบุคคลดำเนินการที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยมีการปลุกระดม เชิญชวน ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาและการสื่อสารด้วยวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในหลายพื้นที่ และเพื่อให้มีการกระทำที่ล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน ด้วยการยุยงให้ประชาชนชุมชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดขวางการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนอื่นโดยทั่วไป ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อน เสียหาย และเกรงกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน มีการใช้กำลังขัดขืนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งมีการใช้สถานที่เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีเจตนาบิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อให้กระทำการให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มได้ก่อเหตุร้ายหลายครั้งโดยต่อเนื่อง เพื่อมุ่งให้เกิดความเสียหายและไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน จากสถานการณ์ที่มีเหตุยืดเยื้อและมีการละเมิดต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จะมีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ และเกิดความเสียหาย หรือไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมาย | ประกาศนี้ ศาลเองก็ให้การยอมรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ของรัฐบาล ดังจะเห็นได้จาก 1.ศาลแพ่งก็เคยให้ความเห็นไปในทำนองเช่นนี้มาก่อนเมื่อ เมษายน 2553 โดยถือว่าเป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะประกาศได้ 2.ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 6 เดือน 6 นปช. ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือนที่แล้ว โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าประกาศนี้มีอำนาจตามกฎหมายอยู่จริง ผู้กระทำฝ่าฝืนจึงกระทำผิดต่อพรก.จริง อำนาจในการแย้งการประกาศนี้ จึงอยู่ที่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น นั้นคือหากรัฐบาลออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยมิชอบจริง สภามีอำนาจที่จะเรียกระชุมวิสามัญโดยด่วน และตั้งกระทู้ถามหรือแม้แต่จะใช้เรื่องนี้เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่ออยู่ในสมัยประชุมที่จะดำเนินการได้ ดังนั้น ในเวลานี้ หากศาลเองก็ยอมรับต่อการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว และสภาก็ไม่ได้แย้งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ก็ย่อมต้องถือว่า คำปรารภและเหตุผลในการประกาศนั้น ชอบธรรมและมีอยู่จริง ภาระหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานั้น จึงต้องนำความสงบ ระเบียบกลับคืนมา ไม่ใช่การดูแลการชุมนุมประท้วงอย่างกรณีทั่วๆไป ไม่ใช่สถานะเดียวกับที่อย่างกรณีรัฐบาลสมชายรับมือผู้ประท้วง เมื่อตุลาคม 2551 ผู้ชุมนุมจึงไม่อาจจะเรียกร้องเอาสิทธิคุ้มครองได้อย่างการชุมนุมตามปกติทั่วไปตามรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้น การรับมือของรัฐบาล จึงไม่ใช่การรับมือการชุมุนมการประท้วงอย่างกรณีปกติทั่วไป แต่เป็นการรับมือกับการก่อความไม่สงบในนครหลวง และมาตรการที่รัฐบาลมีออกมา จึงไม่สามารถจะนำไปเทียบกับกรณีชุมนุมประท้วงทั่วๆไปได้ อีกทั้งรัฐบาลก็มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ไปตามสภาพข้อเท็จจริง ไม่มีการเข้าสลายผู้ชุมนุม อย่างที่เคยพยายามทำในเหตุการณ์สี่แยกคอกวัว แต่เปลี่ยนมาเป็นการล้อมกระชับพื้นที่แทน ส่วนการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะรัฐบาลต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อบังคับคืนความสงบกลับคืนมา หากผู้ชุมนุมมีเจตนอันบริสุทธิ์จริง ย่อมต้องสลายตัวไปก่อน และค่อยกลับมาชุมนุมใหม่เมื่อมีการยกเลิกพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน การที่ผู้ชุมนมยังดื้อ ชุมนุนมต่อ แม้รัฐบาลจะประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน ย่อมแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ และส่อถึงการต้องการพร้อมจะก่อความรุนแรง ผิดวิสัยการชุมุนมโดยสันติ ดังนั้น ความพยายามที่จะอ้างเทียบมาตราการของรัฐบาลว่าจัดการรับมือการชุมนุมไม่เหมาะสม จึงเป็นการกล่าวเพื่อหาเรื่องใส่ร้าย เพราะหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานั้น เพราะในเวลานั้นไม่ใช่การรับมือการชุมุนมปกติทั่วไป แต่เป็นการรับมือการก่อความไม่สงบ อันเห็นได้จากคำปรารภในประกาศ คือรัฐบาลจะต้องหาทางคืนความสงบและนำกฎระเบียบกลับคืนสู่สังคมไทยต่างหาก ซึ่งหากจะต้องมีการสูญเสียก็อาจจะต้อวยอมรับ และ ก็คงไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลที่อยากให้เกิดมีขึ้น แต่เป็นฝ่ายที่จ้องล้มรัฐบาลมากกว่า เพื่อนำมาดิสเครดิตรัฐบาล จึงขอ มองต่างมุมไว้เช่นนี้แหละ
แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 00:01:57
จากคุณ |
:
thyrocyte
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ธ.ค. 54 23:57:10
A:58.11.196.231 X:
|
|
|
|