Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กรณีรถ และเรือดับเพลิงฉาว เหนื่อยใจกับคุณคนชายคนนี้จริงๆ..ด่าไว้ก่อนไม่รู้ว่าใครสอนไว้ { P11533595 } ติดต่อทีมงาน

แตกกระทู้อย่างเหนื่อยอ่อนอกอ่อนใจ ของอีตาคนชายเจ้าเก่านั่นแหละครับ

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11533595/P11533595.html

ก่อนจะด่าชาวบ้านเขาศึกษาให้ละเอียดหรือยัง ไปด่าเขาว่าเป็นสายพันธ์โกง..?

ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ และกทม. ..

ผมถามจริง แกล้งทำเป็นคนบ้า แล้วไปยืนชี้หน้าด่าคนอื่น คุณคนชาย ไม่อายชาวบ้านเขาหรือไง มิทราบ..

มิทราบว่าคู่สัญญาเรื่องรถดับเพลิงฉาวนี้..เป็นการทำสัญญาระหว่าง กทม. กับบริษัท Steyr-Daimler Puch Spezialfahrzeug AG &CO KG ..สัญชาติออสเตรีย ไม่ใช่รัฐต่อรัฐ..

ผู้ว่าจะเปลี่ยนกี่คน มันก็ไม่สำคัญ สำคัญที่สัญญามันมีผลผูกพันในฐานะองค์กรไปแล้ว..

ส่วนที่อ้างว่าคุณอภิรักษ์ จะเอาไปใช้ในการต่อสู้ในคดีศาลฏีกาฯนั้น ก็ชอบแล้วที่จะต้องถอนเรื่องออกมา เพราะจะมีผลผูกพัน ครม.ชุดนี้ติดร่างแหไปด้วย..

เพราะอย่าลืมว่า คดีนี้ คตส.เป็นคนรวบรวมข้อมูลส่ง ปปช. และปปช.ก็ชี้มูลว่ามีความผิด โดยมีมติเอกฉันท์ด้วยคะแนน 9 เสียงว่า การลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ A.O.U. การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์ฯครั้งนี้ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ตามอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญาค.ศ.  1969 ผู้ลงนามไปลงนามโดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรมว.การต่างประเทศ

ซึ่งขัดต่อมติครม. ขัดต่อระเบียบพัสดุฯ มีการกระทำโดยไม่สุจริตเป็นการฉ้อฉลกทม. เป็นเหตุให้บริษัทสไตเออร์ฯได้รับประโยชน์ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการ  จึงขอให้กทม.ส่งเรื่องให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกหรือเพิกถอนการอนุมัติหรืออนุญาตที่เกี่ยวข้อง..

อ่านให้ดีน่ะครับ..ให้เพิกถอน ไม่ใช่ไปต่อรอง..

ที่สำคัญไม่ใช่มีเฉพาะคุณอภิรักษ์ เท่านั้นที่โดน..มีทั้ง คุณโภคิน พลกุล คุณประชา มาลีนนท์ คุณวัฒนา เมืองสุข ซึ่งดูแลมท. ในขณะนั้น  และอื่นๆของกทม...

ทีนี้มาถึงประเด็นที่คุณคนชาย ว่าไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และกทม..ผมขอถามกลับอย่างง่ายๆว่า..

1 ) รถ และเรือดับเพลิงดังกล่าวจอดแช่มากี่ปีแล้ว..ถ้าคนขายมาบอกคุณในฐานะคนซื้อ(กทม ) ว่าช่วยรับของไปเถอะ แล้วจะลดให้ 10 %  แต่..แต่คุณต้องรับภาระภาษีนำเข้า และค่าจอด ค่าขนส่งด้วยน่ะ เป็นคุณ คุณจะรับมั้ย..

2 ) คนขายบอกว่าคุณไม่ต้องรับทั้งหมดก็ได้ แต่ต้องช่วยสนับสนุน ปล่อยของที่ว่าให้องค์กรปกครองท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่น..ภาษาค้าขายเขาเรียกว่า ยิ..สรุปว่าให้รับๆไป

3 ) ส่วนค่าซ่อม คนขายจะรับภาระ แต่ไม่เกินวงเงินที่ตั้งไว้น่ะ (จิ๊บจ้อยมาก แค่ 2 % ของวงเงินซื้อขาย )

เอาแค่ 3 ข้อที่ว่าคุณคิดว่านี่เป็นข้อเสนอเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่.. แล้วใครล่ะครับดันไปทะลึ่งเจรจากับเขาแล้วจะมาโยนภาระให้รัฐบาล เอาภาษีของประชาชนไปผลาญ..ถ้าไม่ใช่ กทม.  

3 ) เรื่องนี้ไม่ได้มีคนค้านแค่คนสองคน แต่มีส่วนราชการหลายหน่วยงานเขาคัดค้าน แบบมีเหตุผล มีเหตุผลอย่างไรเชิญอ่านดู แล้วจะรู้ว่าใครกันแน่ที่น่าจะโดน..ถ้าไม่ใช่กทม.ที่จ่ายไปแล้ว3งวด เป็นเงิน 2,354ล้านบาท  อีกทั้งจะต้องจ่ายค่าภาษีและภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าสินค้าที่มีการจัดซื้อแพงทั้งโครงการประมาณ 1,958.6ล้านบาทและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าหน้าท่าของสินค้างวดที่ 2 เบี้ยปรับเงินเพิ่มเมื่อมีการรับมอบสินค้า..นี่ยังมีหน้าไปฮ้วกันอีก..


ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ คือ

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความ มิใช่เป็นเรื่องในทางนโยบายในความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี จึงเห็นสมควรที่กทม.จะได้ดำเนินการต่อไปตามกฎหมายและข้อสัญญา หากมีกรณีใดที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่นก็ควรที่จะได้หารือโดยตรงต่อไป  

ด้านกระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ(กวพ.) เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการจัดหาพัสดุตามขั้นตอนและกระบวนการจัดหาตามข้อบัญญัติกรุงเทพฯ เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538  ข้อ 9 ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ โดยมีปลัดกทม.หรือผู้ซึ่งปลัดกทม.มอบหมายเป็นประธาน  และข้อ 10(1) ที่กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสุดฯ มีอำนาจในการตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อบัญญัติกรุงเทพฯ ดังนั้น กวพ.จึงไม่อาจพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงฯของกทม.ได้  

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นผลจากการเจรจาระหว่างกทม.กับบริษัทสไตเออร์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนมิใช่หน่วยงานของรัฐ เพื่อหาทางยุติคดีตามที่คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของ ICC กำหนด ไม่ใช่การจัดทำสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นการจัดทำหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ ม. 190 จึงไม่เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกต. แต่น่าจะเป็นเรื่องในอำนาจหน้าที่ของ อส. ที่จะพิจารณา

ทาง อส. เห็นว่า การเจรจาหรือประนอมข้อพิพาทหากหาข้อยุติได้จริงจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่กทม.ต้องพิจารณาให้เป็นที่ยุติว่าไม่อยู่ในฐานะเสียเปรียบ โดยกทม.ต้องชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่ผู้ขายได้รับไปว่าจะคืนเงินที่ได้ไปให้กทม.

ส่วนค่าภาษีอากรนำเข้าที่ผู้ขายเห็นว่าเป็นภาระของกทม.นั้น เมื่อ ผู้ขายยอมรับสินค้าที่ส่งมาว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทผู้ขาย ภาษีอารกรนำเข้าก็ควรตกเป็นของผู้ขายรวมไปถึงค่าใช้จ่ายค่าหน้าท่าและค่าเก็บสินค้าด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตามทางสำนักเลขาธิการครม. (สลค.) เห็นว่าตั้งแต่เกิดประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างกทม.กับบริษัทผู้ขายนั้น

คณะรัฐมนตรีไม่เคยมีมติอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบให้มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จึงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ควรให้กทม.นำเรื่องดังกล่าวไปประสานหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่กี่ยวข้องต่อไป


ความจริงยังมีอีกหลายประเด็น..แต่ขี้เกียจวิจารณ์..

แต่ถ้าคนชายอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ  และยังดื้อตาใสเที่ยวไล่ด่าชาวบ้านเขาอีก..ผมว่าสมควรเข้าวัดไปกวาดลานทำใจให้สงบ เพื่อลดอุปทาน ก่อนที่บ้า หรือจะกลายเป็นกึ่งคนกึ่งอสูรแบบทุกวันนี้..


แก้"ข ตัดทอนข้อความให้สั้นลงครับ

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 02:07:41

จากคุณ : แมวน้ำสีคราม
เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 01:58:17 A:180.180.88.5 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com