คตส.โดยกรมสรรพากร ประเมินภาษี โอ๊ค เอมกรณีได้รับหุ้นมาในราคาต่ำกว่าราคาตลาด เป็นภาษี 1.2 หมื่นล้าน เงินตัวนี้ถือเป็นหนี้ภาษี หากลูกหนี้ไม่ชำระ หรือชำระล่าช้าก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน จนกว่าจะชำระครบถ้วน
หากไม่ชำระกรมสรรพากรก็ต้องยึดทรัพย์มาชำระหนี้ตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ และชั้นศาล โอ๊ค เอม ยังไม่ได้ชำระหนี้ภาษี 1.2 หมื่นล้านนี้ กรมสรรพากรก็ต้องดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของสองท่านนี้ ทั้งเงินฝาก หุ้น ที่ดิน รถยนต์ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้าน ซึ่งก็ไม่มีทรัพย์สินใดให้ยึดได้อีก ก็ยังเหลือหนี้ภาษีอีก เกือบหมื่นล้านที่ค้างอยู่ (ส่วนเงินฝากจากการขายหุ้น 7.6 หมื่นล้านนั้นถูก คตส.อายัดไว้แล้วกรมสรรพากรก็ได้อายัดซ้ำยังไม่ได้เงินก้อนนี้มาชำระภาษี)
ต่อมาศาลภาษีอากรกลางตัดสินว่าการประเมินภาษีไม่ชอบ(ศาลตัดสิน 29 ธันวาคม 2553) ทั้งคู่จึงไม่ต้องรับผิดชำระภาษี 1.2 หมื่นล้าน อัยการสูงสุดเห็นว่าไม่ควรฏีกาต่อ กรมสรรพากรขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ก.การคลังเห็นด้วยกับอัยการสูงสุด ว่าไม่ควรฏีกา คดีจึงยุติ เมื่อ 23 เมษายน 2554 ในวันนั้น ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี รมว.คลัง ชื่อกรณ์ จาติกวนิชย์
ทั้งคู่มาจากพรรคปชป. ต่อมาเมื่อเรื่องลงหนังสือพิมพ์ก็เห็นคนในพรรคนี้ไปยื่นถอดถอน อัยการสูงสุด แหม่..น่าจะยื่นถอดถอนนายก และ รมว.คลัง ด้วยก็ดีนะ
เมื่อคดียุติว่าการประเมินไม่ชอบ ทั้งสองคนไม่ต้องชำระภาษี ทรัพย์สินที่ไปยึดมาเพื่อชำระหนี้ก็ต้องคืนให้เจ้าของเขาไป ทรัพย์ของเขาก้ต้องคืนเขาไป
ไม่ใช้เอาเงินแผ่นดินไปคืนให้เขา