Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
== เข้าใจแถนะจ๊ะชายยย.. จัดให้จ้ะ มาตรา 175 =={แตกประเด็นจาก P11613038} ติดต่อทีมงาน

นึกอยู่แล้วว่า คนชาย ณ สงขลา ต้องมามุกนี้
เอาเรื่อง มาตรา 175 ก่อนนะ เห็นชอบยกมาดีนัก เดี๊ยนก็จัดให้..

มาตรา175 ของรัฐธรรมนูญ50 เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีและองค์กรอิสระเข้าถวายสัตย์ ซึ่งต้องสืบสาวราวเรื่องว่า เกิดมาตั้งแต่สมัยการยึดอำนาจโดยพรรคการเมืองเก่าแก่ ร่วมกับทหาร สื่อ และกลุ่มกบฏบวรเดชที่ได้รับอภัยโทษกลับมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยดร.ปรีดีฯแล้วมาแว้งกัด รัฐธรรมนูญนับตั้งแต่การยึดอำนาจที่ถือว่ายึดอำนาจจากประชาชนเป็นครั้งแรกจากนั้นก็ยึดอำนาจเพื่อสร้างอำนาจไว้ในรัฐธรรมนูญเรื่อยมา หากย้อนกลับไปดูรัฐธรรมนูญในสมัยประชาธิปไตยคือ ยุคของคณะราษฎรที่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นไม่มีเรื่องนี้ไว้ ยังมีอีกหลายเรื่องในรัฐธรรมนูญที่ต้องชำระคราบไคลสกปรกของฝ่ายกบฎบวรเดช เช่น การกำเนิดของคณะองคมนตรีและต่อมาแก้รัฐธรรมนูญให้คณะองคมนตรีเป็นผู้เลือกผู้ที่จะขึ้นครองราชย์หรือรักษาการเป็นผู้สำเร็จราชการไปได้ยาวนานหากเกิดความขัดแย้งขึ้น ในขณะที่ที่อื่นๆ ทั่วโลกเป็นอำนาจของรัฐสภา

ดังนั้นไม่ว่ามาตรา175 จะกล่าวไว้อย่างไรก็เป็นการกำหนดของเผด็จการจากการยึดอำนาจและทำให้ดูเหมือนประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยโดยปริยายซึ่งผิดหลักสากล การกระทำของฝ่ายขวาจัดในครั้งนั้น ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากนอกจากกดประชาชนไว้ภายใต้ระบอบเผด็จการซ่อนรูปโดยกลุ่มข้าราชการที่ตนคุมได้นั่นเอง ดังนั้น ตรงนี้อาจสรุปได้ว่ามาตรา175 นี้ก็ควรยกเลิกไปซะด้วย คณะรัฐมนตรีควรที่จะไปกระทำสัตย์กับรัฐสภาเมื่อจะรับตำแหน่งมากกว่าและจะสอดคล้องกับการที่ทุกประเทศที่มี่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่ให้ผู้ที่จะขึ้นทรงราชย์ต้องไปปฏิญานตนหรือพระองค์ต่อรัฐสภาก่อนนั่นเอง เพื่อความกระจ่างของกฎหมายของประเทศที่มีการปกครองเช่นเดียวกับไทยมาอีกครั้ง  นอกเหนือจากสเปนที่เดี๊ยนได้ยกให้เห็นไปแล้ว  ก็ขอยกประเทศอื่นๆ สักหน่อย ซึ่งหากคุณอ่านกระทู้คำตอบเดี๊ยนแล้วน่าจะเข้าใจไม่ต้องออกไปนอกประเด็นมาในเรื่อง มาตรา175 แบบนี้..

สเปน มาตรา ๖๑ "กษัตริย์ต้องปรากฏตนต่อหน้ารัฐสภาเพื่อสาบานตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เคารพสิทธิของพลเมืองและประชาคมปกครองตนเอง"

เบลเยียม มาตรา ๙๑(๒) "กษัตริย์จะขึ้นครองราชย์ได้ภายหลังสาบานตนอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้ารัฐสภา คำสาบานมีดังนี้ "ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของราษฎรชาวเบลเยียม รักษาเอกราชของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดน"

เดนมาร์ก ในมาตรา ๘ "ก่อนเข้าสู่อำนาจ กษัตริย์ต้องทำคำประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะรัฐมนตรีว่าจะไม่ละเมิดรัฐธรรมนูญ กษัตริย์ต้องทำคำประกาศนั้น ๒ ฉบับ ฉบับหนึ่ง ส่งมอบให้กับรัฐสภาเพื่อเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุของรัฐสภา อีกฉบับ เก็บไว้ในหอจดหมายเหตุของราชอาณาจักร"

นอร์เวย์ มาตรา ๙ "กษัตริย์ต้องสาบานต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า ข้าพเจ้าขอสัญญาและสาบานว่าจะปกครองราชอาณาจักรนอร์เวย์ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย"

เนเธอร์แลนด์ มาตรา ๓๒ "โดยเร็วที่สุด ภายหลังเริ่มใช้อำนาจ กษัตริย์ต้องสาบานตนอย่างสง่าผ่าเผยต่อที่ประชุมรัฐสภาอันเปิดเผยซึ่งจัดขึ้นในสถานที่ประชุมเดียวเท่านั้น คือ อัมสเตอร์ดัม พระองค์ต้องสาบานและสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อรัฐธรรมนูญและซื่อสัตย์ต่อการปฏิบัติหน้าที่"

คุณถามมาแบบหน้าไม่อายว่า  ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดการพัฒนาประชาธิปไตยไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร? เดี๊ยนขอตอบดังนี้..

ในเบื้องต้นเป็นการป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้ถูกกลุ่มคนที่แสวงหาประโยชน์ เช่น เหลือง ทหาร หรือข้าราชการโกงกินที่แอบอ้างความจงรักภักดีทำการข่มขู่ประชาชนด้วยกฎหมายที่แอบอิงกับสถาบันในนามของสถาบัน ซึ่งส่งผลกระทบกระเทือนต่อสถาบันอย่างทีเห็นในขณะนี้ แม้แต่ ม.112 ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจจับคนเข้าคุก แต่พวกเหลืองอย่างคุณ พวกข้าราชการเหล่านี้ก็ทำกัน ฟ้องกัน ไม่เว้นแต่ละวันโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องสถาบันอย่าโหดร้าย จนในที่สุดต่างชาติและคนในชาติก็ไม่พอใจกันอย่างกว้างขวาง  แล้วใครล่ะที่ได้ผลเสีย? ไม่ใช่พวกคุณที่แสวงหาประโยชน์หรอกแต่เป็นสถาบันโดยตรงใช่หรือไม่?

ถ้าพระมหากษัตริย์องค์ต่อไปสาบานพระองค์ว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นเหมือนกษัตริย์ ฮวน คาร์ลอส ของสเปน ที่จะทรงมีหนทางที่จะออกมาขัดขวางการรัฐประหารได้เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ให้ เหล่าช้าราชการ ทหาร ตุลาการภิวัฒน์ต่างๆ ก็จำต้องทำตัวอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ทำตามที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็บอกทหารอึดอัด อาจมีการยึดอำนาจได้   เมื่อองค์พระมหากษัตริย์ทรงออกมาต่อต้านการรัฐประหารเพราะเหตุที่พระองค์ได้กระทำสัตย์ไว้แล้วย่อมไม่คืนคำ นี่คือการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ยุติการรัฐประหารตามคำเรียกร้องของศาสดาลิ้ม หรือ เหลือง หรือ สลิ่ม หรือ หลากสี แล้วแต่จะเปลี่ยนสีไป และทุกคนก็รอการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

คุณอย่ามาอ้างนะว่ามีการซื้อเสียงเพราะใครๆ ก็รู้ว่าสองครั้งที่ผ่านมาฝ่ายพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้กระดิกเรื่องนี้เลยเพราะอำนาจรัฐอยู่กับทหาร เขาใช้นโยบายล้วนๆ คนก็ลงคะแนนให้ ทั้งๆ ที่มีโกงด้วยข้าราชการบางคนในเขตต่างๆของกรุงเทพฯ อย่างน่าตกใจก็ตาม เมื่อทุกพรรคการเมืองไม่ต้องพึ่งทหาร ไม่ต้องซบกับอำมาตย์ ไม่ต้องสะสมทุนเพื่อเลือกตั้ง การเมืองก็มีเสถียรภาพ ไม่ต้องโกงกิน ต้นทุนธุรกิจก็ต่ำลง ข้าวของก็ถูกลง ประชาชนก็หน้าใส สุขสบาย นี่คือประชาธิปไตยเหมือนในยุโรป ญี่ปุ่น และกำลังตามหลังประเทศในแอฟริกาที่ต่างโค่นล้มผู้นำเผด็จการไม่ว่าจะเป็นทหารอย่างกัดดาฟี หรือ ระบอบราชาธิปไตยลงไปเรื่อยๆ

ข้อเสนอของนิติราษฎร์เป็นเพียงการต่อยอดรัฐธรรมนูญของคณะราษฎรให้สมบูรณ์ และหากกลับไปอ่านหมายเหตุในสมัยนั้นที่ได้แปะไปแล้วก็คงเห็นชัดว่า ถ้ามีการเขียนไว้ชัดๆ ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่สมัยนั้นโดยไม่โอนอ่อน ผ่อนตามฝ่ายขวาจัดอย่าง พระยามโนปกรณ์นิติธาดาแล้ว เดี๊ยนว่าประเทศไทยป่านนี้คงเจริญก้าวหน้าเทียบเท่าญี่ปุ่นไปแล้ว

สำหรับกรณีพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ทุกประเทศก็กำหนดให้เป็นสัญลักษณ์ทางพิธีการทั้งนั้น อย่างกรณี สเปน ที่ได้ยกมาไว้ลองกลับไปอ่านภาษาอังกฤษที่ได้เสนอไว้ (ถ้าอ่านออก)  ญี่ปุ่นก็เช่นกัน เดี๊ยนเห็นว่า คณะนิติราษฎร์กำลังเสนอให้ พระมหากษัตริย์ผู้เป็นพระประมุขเป็นประมุขในทางพิธีการ ซึ่งถูกต้องแล้วตามหลักสากล  แล้วคุณคนชายคิดจะให้เป็นอย่างไร ถึงจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยมิแซ้บคะ?  

ขนาดประเทศนอร์เวย์ซึ่งพระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจสูงสุดและมีกำหนดไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงมาประชุมคณะรัฐมนตรีได้ยังต้องให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ทูลเชิญเท่านั้น พระองค์จะเสด็จมาเองไม่ได้ ส่วนกรณีการให้พระบรมราโชวาทนั้นทุกประเทศให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ร่างถวายให้เพราะหากมีข้อผิดพลาด พระมหากษัตริย์จะได้ไม่ต้องทรงรับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยหลัก The King can do no wrong โดยให้ทุกคนมีสิทธิในการวิจารณ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในกรณีนั้นๆได้ เป็นต้น  เมื่อเป็นเช่นนี้พระมหากษัตริย์ก็จะไม่ถูกกระทบกระเทือนให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทใดๆเลย ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนานแส๊นน..นาน ค่ะ

ความจริง.. เดี๊ยนว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ควรทำเพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ คือ การกลับไปสู่ธรรมนูญการปกครองสยาม 2475 ในบางหัวข้อที่เดี๊ยนว่าน่าสนใจดังนี้

ม.(5) ถ้ากษัตริย์มีเหตุจำเป็นชั่วคราวที่จะทำหน้าที่ไม่ได้ หรือไม่อยู่ในพระนคร ให้คณะกรรมการราษฎรเป็นผู้ใช้สิทธิแทน
ม.(6) กษัตริย์จะถูกฟ้องร้องคดีอาชญายังโรงศาลไม่ได้ เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรจะวินิจฉัย
ม.(7) การกระทำใด ๆ ของกษัตริย์ ต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดลงนามด้วย โดยได้รับความยินยอมของคณะกรรมการราษฎร จึ่งจะใช้ได้ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ

ที่นี้เห็นหรือยังคะว่า หากเพิ่มเติมด้วยเรื่องการปฏิญานตนหรือพระองค์ต่อประชาชนผ่านทางรัฐสภาว่าจะทรงปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นขนาดไหน คณะองคมนตรีก็ควรตัดทิ้งไป และกลับมาให้รัฐสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ประมุขของชาติต่อไป ส่วนกรณีที่พระมหากษัตริย์จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอะไรบ้างนั้นน่าจะกำหนดไว้ให้ชัดเจนในรัฐธรรนูญ และโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่ปัจจุบันกระจายกันอยู่ในกระทรวงต่างๆ โดยมีสำนัก กปร.ดูแลควรให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้รับผิดชอบชัดเจน หากมีข้อผิดพลาดขึ้นจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ วิจารณ์โครงการได้ โดยไม่ต้องแอบอ้างสถาบันฯแล้วไม่ยอมให้มีการตรวจสอบได้อีกต่อไปรวมถึงควรเสียภาษีด้วยจึงจะสมบูรณ์..

กรณีการแอบอ้างพระราชอำนาจที่เสียหายมากที่สุดกรณีหนึ่งคือ การนำเอารัฐธรรมนูญปี 50 ที่คุณคนชายยกย่องและรักนักหนา  โดยยกขึ้นมาอ้างแล้วอ้างอีกอย่างที่เห็นนั้น ขึ้นกราบบังคมทูลลงพระปรมาภิไธยฯ โดยที่มีหลายมาตรา ไม่ผ่านองค์ประชุม ผ่านแบบชุ่ยๆ ซึ่งต้องถือว่าเป็นโมฆะ รวมถึงกฎหมายอีกกว่า 170 ฉบับที่น่าจะเป็นโมฆะตาม 3 ฉบับแรกไปด้วย แต่ไม่มีผู้รับสนองหรือรับผิดชอบ ต่างอ้างว่าเป็นพระราชโองการโปรดเกล้าฯ มาแล้วถือว่าจบกัน เท่ากับว่า ยกภาระให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯ แทนที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีในสมัย คมช.จะเข้าคุกกลับอยู่ดี มีสุข โดยมีความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อสถาบัน อย่างนี้เป็นต้น นี่แหละคือการแอบอ้าง เอาผลประโยชน์เข้าตัว พอเดี๊ยนพูดแบบนี้ คุณก็บอกว่า นี่เดี๊ยนว่าในหลวงทรงทำผิดใช่มั้ย? มันก็วก-วน กลับไปที่คำพูดเดิมของคุณอยู่ดี  แต่เดี๊ยนเชื่อว่า ผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารรอบทางและมีใจเป็นกลาง คงจะคิดออกค่ะ

น่าขันนะ เดี๊ยนไม่รู้สึกอกแตกตายอย่างที่คุณคนชายคาดหวังสักนิด และเดี๊ยนไม่รู้จักคนในนิติราษฎร์นะจ๊ะ แถมเรื่องเบสิคแบบนี้ เดี๊ยนคิดได้มาเป็น 10 ปีแล้วจ้ะ นี่ขนาดเดี๊ยนแค่ความรู้เตรียมอนุบาลนะ เทียบกับความรู้คุณคนชายทีมีแล้ว ดูแล้วคุณน่าจะได้แค่มูลเท้ารองเท้าคู่เก่าของเดี๊ยนเอง ถ้าคิดว่าที่คุณเขียนมามันเหนือชั้นมากแล้ว ก็แนะนำว่ากลับไปเรียนอนุบาลแมงสาบน้อยใหม่นะจ๊ะชายจ๋าาา..  

แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 55 19:57:38

จากคุณ : มารร้ายวัวน้อย
เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 19:49:03 A:110.168.178.67 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com