Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บทสรุป..ประเทศไทยได้อะไรจากการไปร่วมประชุมดาวอส..? ติดต่อทีมงาน

ปกติผมไม่ค่อยแปะลิงค์โดดๆ..แต่วันนี้ขอสักวัน..

เป็นวันแปลกๆ ที่กรุงเทพฯธุรกิจ..ที่ปกติมักจะไม่ให้เครดิตคุณยิ่งลักษณ์..

และสลิ่มมักคัดข่าวเอามาโจมตีนายกฯ และรัฐบาลนี้อยู่เนืองๆ..

ไม่ว่ากันครับ..แต่ลองอ่านดู..เต็มๆ..

แต่ขอบอก..

ท้ายความคิดเห็นของบทรายงานนี้..

แมงสาบ..งง..พล่านเลยครับ..เชิญอ่านครับ

******************************************

มีคำถามมากมายเกิดขึ้นว่า “ประเทศไทยได้อะไรจากการประชุมที่ดาวอส” และถามต่อเนื่องไปจนถึง “ภารกิจของนายกรัฐมนตรีไทยที่ดาวอสคืออะไร”
ในทุกๆ ปี ผู้นำของทุกประเทศทั่วโลก บริษัทชั้นนำของโลก องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อสารมวลชนระดับโลกที่เป็นสมาชิก ก็จะได้รับเชิญไปร่วมการประชุม World Economic Forum หรือ WEF ที่เมือง Davos ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจัดกันมาต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นับเป็นปีที่ 41 แล้ว

เวทีนี้  ถือว่ามีความสำคัญ เพราะตลอดการประชุมระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม จะเวทีการประชุมกลุ่มย่อย นับร้อยการประชุม ที่ผู้จัดจะเชิญผู้นำในสาขาต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญและมุมมองที่หลากหลาย เข้าร่วมประชุมและสนทนากันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางและแนวทางในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมโลก

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในปีนี้ นายกรัฐมนตรีไทยมีกำหนดการเดินทางไปเยือนดาวอสช้ากว่าคนอื่นๆ เนื่องจากวันที่ 26 มกราคม รัฐบาลอินเดียได้เชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมฉลองงานวันชาติในฐานะ “Chief Guest” หรือแขกเกียรติยศ ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติสูงสุดกับผู้นำและรัฐบาลไทยที่เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ การเดินทางไปดาวอสจึงต้องเริ่มต้นภายหลังที่ทางการอินเดียเสร็จสิ้นพิธีอย่างเป็นทางการ คือช่วงบ่ายของวันที่ 26 มกราคม กว่าจะถึงสนามบินซูริกก็ประมาณ 3 ทุ่มแล้ว คณะทางการจึงต้องนอนค้างที่ซูริกหนึ่งคืนก่อนออกเดินทางไปดาวอสในวันรุ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี  มีภารกิจเข้าร่วมประชุมใน 4 วาระที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่  การเข้าประชุม Informal Gathering of World Economic Leaders (IGWEL) ซึ่งเป็นการเชิญเฉพาะนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำประเทศอื่นๆ และ CEO ชั้นนำของโลก เพื่อหารือในหัวข้อ “Defining the Imperatives for 2012” และนายกรัฐมนตรีไทยได้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย และตอบข้อซักถามของทุกคนในเรื่องแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของไทยต่อไปในอนาคต

เวทีสำคัญต่อมา คือการกล่าว opening remarks และร่วมเป็น panelist ในการอภิปรายเรื่อง “women as the way forward” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ WEF จัดขึ้นเพื่อนำเสนอมุมมองของผู้หญิงต่อการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจโลก โดยผู้จัดได้เชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงอีก 4 ท่านขึ้นร่วมเป็น panelist คือ นาง Michelle Bachelet อดีตประธานาธิบดีชิลี ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทสำคัญด้านสตรีในองค์การสหประชาชาติ  พระอัครสังฆราช Desmond Tutu ซึ่งมีชื่อเสียงจากการฟื้นฟูสันติภาพในอัฟริกาใต้ร่วมกับอดีตประธานาธิบดี Nelson Mandela  นาง Sheryl Sandberg COO ของ Facebook  และนาย Talal Al Zain CEO ของบริษัท Bahrain Mumtalakat Holding

นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้  เล่าถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อช่วยยกระดับให้สตรีมีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถมีรายได้เลี้ยงตนเอง เลี้ยงครอบครัวได้ เป็นลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศที่ทุกวันนี้เป็นปัญหาระดับสากลที่กำลังรอการแก้ไข

นายกรัฐมนตรีไทยเอง ถูกตั้งคำถามจากผู้ฟังว่า “ประเทศไทยมีนโยบายป้องกันมิให้หญิงไทยเป็นโสเภณีได้อย่างไร” ซึ่งนายกฯ ได้ตอบได้อย่างน่าฟังว่า “การศึกษาและรายได้” คือสิ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพราะหากผู้หญิงมีความรู้ มีงานทำ มีเงินเพียงพอที่จะเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว เชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะเสียเกียรติเข้ามาทำอาชีพนี้

ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานงาน “Thai Night” ซึ่งมีโอกาสได้กล่าวต่อผู้ร่วมงานกว่า 700 คน ถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวในไทย  และที่สำคัญคือใช้โอกาสนี้ในการโปรโมตการประชุม World Economic Forum East Asia ที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานในปีนี้ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน ที่กรุงเทพฯ

วันรุ่งขึ้น นายกรัฐมนตรี ก็ได้เข้าร่วมประชุมเรื่อง Public Private Interaction of Thailand ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีโอกาสได้ซักถามกับภาครัฐและภาคเอกชนของไทย โดยภาคเอกชนไทยมีผู้เข้าร่วมหลายท่าน เช่น คุณพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทย คุณชาติศิริ โสภณพนิช จากธนาคารกรุงเทพฯ คุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ จากการบินไทย คุณไพรินทร์ ชูโชติถาวร จาก ปตท. เป็นต้น

นอกจากการประชุมที่กล่าวมาแล้ว ตลอดเวลา 2 วันที่อยู่ที่ดาวอส นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสเข้าพบและหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศและบริษัทใหญ่ๆ หลายคน นับตั้งแต่ การเข้าเฝ้าเจ้าฟ้าชาย Andrew, the Duke of York ของอังกฤษ ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ประธานาธิบดีแทนซาเนีย ประธานบริษัท Sumitomo Chemical ซึ่งเป็นประธานสมาคมเคดันเร็นของญี่ปุ่น CEO บริษัท Coca Cola ประธานบริษัท SwissRe CEO บริษัท JP Morgan รวมถึงการให้สัมภาษณ์กับ Financial Times Euronews CNBC และ Swiss TV

ในโอกาสที่โลกตะวันตก กำลังมีปัญหา และเอเชีย กลายเป็นเป้าหมายการค้าการลงทุนที่สำคัญ  เวทีการประชุมที่ดาวอสได้ตอบโจทย์ของรัฐบาลในการใช้โอกาสนี้ในการสร้างภาพพจน์และสร้างมั่นใจต่อชาวโลกว่า “หลังจากน้ำท่วมใหญ่แล้ว ประเทศไทยมีนโยบายอย่างไร ที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งและมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนจากต่างชาติ”

แค่นี้ก็ถือว่า “คุ้มค่า” ที่ต้องเสียเวลาเดินทางไปครึ่งโลกเพื่อเข้าประชุมเพียงสองวันแล้วครับ

Tags : ยิ่งลักษณ์ไปดาวอส

ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  30-01-2012 : 16.33  หมวดการเมือง : ทัศนะวิจารณ์

******************************************

ขออภัยที่ไม่สามารถลงลิงค์ได้ สนใจก็คลิ๊กหาเอาเอง..เพราะมีคำไม่สุภาพอยู่ในหมวดของการแสดงความคิดเห็น..และกระทู้อาจถูกแบน..

ขอตัวไปนอนแล้วล่ะครับ..วันนี้ได้ค่ารับจ้างโพสท์มาอื้อ..เป็นปลื้มครับ..

SLEEP WELL..

จากคุณ : แมวน้ำสีคราม
เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 02:04:39 A:180.180.210.215 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com