
บอกว่า ที่ ปชป. ยื่นศาล รธน. ตีความ พรก. 2 ฉบับในขณะนี้นั้น ไม่ใช่การถ่วงเวลา เพราะวันนี้กฎหมายผ่านแล้ว รัฐบาลมีอำนาจทำตาม พรก. ได้เลย ทำได้เลย เช่น วันนี้หากกระทรวงการคลังอยากกู้เงิน 3.5 แสนล้านก็ทำได้เลย ทำได้เลยเพราะกฎหมายมีผลแล้ว
ก็ฟังจนเคลิ้มว่า ที่ ปชป. ส่งเรื่องต่อศาล รธน. นั้น ไม่มีผลอะไรต่อการใช้ พรก. ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ ก็ได้ยินบอกว่า ยกเว้นถ้าศาล รธน. บอกว่า พรก. ขัดรัฐธรรมนูญ นั่นแหละจึงจะมีผล คือถ้าวันนี้คลังไปกู้เงินมาแล้วก็ให้ รมต.คลังรับผิดชอบเอง เพราะถือว่า พรก.เป็นโมฆะ
อ้าวววววว....
ขำจนปวดตับ
อีกเรื่อง คือบอกว่าที่รัฐบาลออก พรก. นี่ เหมือนเป็นการใช้อำนาจทางนิติบัญญัติ นี่ยังดีที่ออก พรก.เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ถ้าเกิดออก พรก. ยกเลิกคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือคนใดคนหนึ่งขึ้นมาล่ะก็ เป็นเรื่อง
นี่ก็ขำจนปวดตับ
ก็การที่รัฐบาลจะออก พรก. อะไรนั้น มันก็ต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ไม่ใช่จะออก พรก.อะไรก็ได้ แต่ก็ยังพูดออกมาได้
กะให้สลิ่มหัวอ่อนฟังว่างั้นเหอะ
คนพรรคนี้ มีสักคนไหมฟร่ะ ที่เวลาพูดอะไรแล้วตะกุกตะกัก เห็นแต่มันลื่นไหลไปทุกคน จริงเท็จไม่รู้ พูดเอาดีใส่ตัวยัดชั่วคนอื่นตลอด
ก็ขนาดผู้ว่าเอ๋อ ๆ บางคน ยังพูดเก่งนะ แม้จะพูดขัด ๆ บ้าง แต่เนื้อหาลีลาการใช้คำน่ะ ปชป. เป๊ะ
ผมแปลกใจนะ ว่าทำไม ปชป. จึงไม่ใช้ "ข้อเท็จจริง" ในการนำเสนอต่อสังคม ผมเห็นแต่ ปชป. ใช้เท็จเกินครึ่ง หรือเกือบทั้งหมด เห็นมีเรื่องที่ "จริง" นี่ น้อยนักน้อยหนา
หรือนี่คือวัฒนธรรมแบบประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันนี่ จอมแหลระดับจักรวาลเลยล่ะครับ แหลได้ทุกเรื่อง แหลแบบตาใส ๆ ได้ทุกเรื่อง
แต่น่าสงสารอยู่อย่าง คือวันนี้ แหลอะไรก็ไหลย้อนเข้าตัวหมด นี่คงเพราะแหลไว้มากจนยากจะตำหนิคนอื่นได้
เฮ้อ...
นอนดีกั่ว
