 |
บทความของอดีตเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ..ที่อ่านแล้วสนุก..ว่าด้วยเรื่องเพชร ข้าวโพด กับบัญชีรักสีดำ..
|
 |
แต่บางคนอาจไม่สนุกด้วย..เพราะมัวแต่พูด..มัวแต่ด่าจนหูตาลาย..
เป็นบทความของ ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ..ผู้ใหญ่อารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน..แต่แน่น..และหนัก..
เชิญชิมเต็มชาม..รสชาติเขาดี ไม่ต้องปรุงครับ..ไม่เชื่อถามพี่ขรรค์ดูก็ได้..
**************************************************************
ที่เขียนเรื่อง 2 ประเทศนี้เพราะได้แรงบันดาลใจจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับท่านผู้ใหญ่ที่ผู้เขียนเคารพเป็นอย่างยิ่งเมื่อเช้านี้เอง โดยท่านได้เล่าอย่างแปลกใจว่า มีคนถามท่านหลายคนเหลือเกินว่าประเทศซิมบับเวอยู่ที่ไหน? และท่านยังได้อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้พบรายงานข่าวว่า "จุดประสงค์ที่นายฮุสเซน อาทริส (ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ) ที่เข้ามาประเทศไทยมีเป้าหมายในการส่งวัตถุระเบิดโดยจะว่าจ้างบริษัทส่งออกที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท ซอย 3 เพื่อส่งวัตถุประกอบระเบิดทางตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 1 ตู้เพื่อไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง 3 ประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมีประเทศไลบีเรีย"
ครับ! แล้วท่านก็ถอนใจใหญ่ ซึ่งผู้เขียนก็พลอยกลุ้มใจไปด้วย เพราะว่าการเรียนการสอนแผนที่ภูมิศาสตร์บ้านเรานั้นดูจะเรื้อๆ ไปมากทีเดียว เพราะขนาดคนที่สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ยังถอดใจเลยครับว่า ลองคนเรียนทางด้านการต่างประเทศแต่ไม่รู้ว่าประเทศไหนอยู่ที่ไหน มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นมาอย่างไรแล้วละก็ ถึงจะเรียนทฤษฎีการเมืองระหว่างประเทศและนโยบายต่างประเทศไปก็เสียเวลาเปล่าๆ
ความจริงทั้งซิมบับเวและไลบีเรียนี้อยู่ในทวีปแอฟริกาทั้ง 2 ประเทศ โดยไลบีเรียตั้งอยู่ทางแอฟริกาตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ส่วนซิมบับเวตั้งอยู่ทางแอฟริกาตอนใต้เป็นประเทศในภาคพื้นทวีปไม่มีทางออกทางทะเล
ประเทศไลบีเรียนี้เป็นประเทศที่น่าสนใจมากนะครับ เพราะเป็นประเทศที่สหรัฐอเมริกาตั้งขึ้นในทวีปแอฟริกาเพื่อขนทาสนิโกรผิวดำที่ถูกจับไปขายเป็นทาสแรงงานที่สหรัฐอเมริกา ตอนหลังคนผิวขาวเกิดความละอาย สำนึกผิดหรือไม่ก็มีเครื่องทุ่นแรงใช้แล้วก็เลยส่งพวกทาสผิวดำกลับมาอยู่ที่แอฟริกาตามเดิม แต่พวกทาสเหล่านั้นเป็นลูกหลานของทาสที่ถูกจับไปขายก็เลยไม่รู้ว่าบ้านเดิมของพวกตนอยู่ที่ไหน ทางคนขาวอเมริกันก็เลยส่งมารวมๆ กันอยู่ที่ประเทศไลบีเรียนี่แหละ มิหนำซ้ำยังตั้งชื่อเมืองหลวงประเทศใหม่นี้ว่ามันโรเวียตามชื่อประธานาธิบดีคนที่ 5 ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ประเทศไลบีเรียมีประชากรประมาณสามล้านเจ็ดแสนคน มีเนื้อที่ประมาณหนึ่งในห้าของประเทศไทย อากาศก็คล้ายๆ กับภาคใต้ของประเทศไทยเพราะอยู่ในแถบเส้นรุ้งเดียวกัน ยกเว้นแต่ไม่มีฝนชุกเหมือนภาคใต้ของเราเท่านั้น
ตั้งแต่ตั้งประเทศไลบีเรียขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2390 (ปลายรัชสมัย ร.3 แห่งรัตนโกสินทร์) ก็บรรดาลูกหลานทาสที่มาจากอเมริกาซึ่งเป็นคนส่วนน้อยก็เป็นผู้ปกครองและเป็นคนชั้นสูงของไลบีเรียมาโดยตลอด จนกระทั่งประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนพื้นเมืองได้ลุกขึ้นยึดอำนาจการปกครองจนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบและเกิดเป็นสงครามกลางเมืองอันยาวนานร่วม 25 ปี (พ.ศ.2523-2548) จึงสงบลงด้วยฝีมือของกลุ่มผู้หญิงชาวไลบีเรียที่รวมตัวกันกู้ชาติด้วยวิธีสันติและเหตุผล
ปัจจุบันนี้ประธานาธิบดีผู้นำของไลบีเรียก็เป็นผู้หญิงที่ได้รับเลือกตั้งถึงสองสมัยแล้ว ดังนั้น การที่นายฮุสเซน อาทริส ผู้ถูกจับโดยตำรวจไทยในข้อหาผู้ก่อการร้ายสากล อ้างว่าจะส่งวัตถุประกอบระเบิดไปยังไลบีเรียก็พอจะฟังขึ้น เพราะประมาณว่าคนที่ไลบีเรีย (น่าจะเป็นพวกผู้ชาย) คงเหงาๆ จนอยากจะให้เกิดมีสงครามกลางเมืองกันอีกกระมัง?
ส่วนประเทศซิมบับเวนั้นมีชื่อเดิมว่า "โรดิเซีย"เดิมเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่อีตาเซซิล โรดส์ (Cecil Rhodes) นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้ก่อตั้งเหมืองเพชรในแอฟริกาใต้ ซึ่งนายเซซิล โรดส์ นี่แกรวยมากและเป็นตัวสำคัญในการขยายพื้นที่อาณานิคมของอังกฤษให้ครอบคลุมจากเหนือจรดใต้ทวีปแอฟริกาเลยทีเดียว ซึ่งประเทศโรดิเซียนี่ก็เหมือนประเทศแอฟริกาใต้และไลบีเรียนั่นแหละครับ คือมีคนต่างด้าวจำนวนน้อยเข้ามายึดครองดินแดน (ประเทศ) แล้วก็ปกครองโดยการกดขี่คนพื้นเมืองซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่
ตอนที่ซิมบับเวยังเป็นประเทศโรดิเซียอยู่นั้น คนผิวขาว (ส่วนใหญ่เป็นคนอังกฤษ) มีอยู่ประมาณสองแสนคน หรือ 4.3% จากจำนวนประชากรที่เป็นชาวนิโกรผิวดำทั้งหมด 12 ล้านคน แต่คนผิวขาวครอบครองที่ดินประมาณ 75% ของประเทศโรดิเซีย เมื่อโรดิเซียได้เอกราชเมื่อ พ.ศ.2508 ก็เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวดำซึ่งฝ่ายคนผิวดำก็ได้รับชัยชนะไปใน พ.ศ.2522 ทำให้คนผิวขาวอพยพหลบหนีออกนอกประเทศ จนปัจจุบันยังมีคนผิวขาวเหลืออยู่ในประเทศซิมบับเวไม่ถึง 1% คือประมาณสี่หมื่นหกพันคนเท่านั้น
นายโรเบิร์ต มูกาเบ เป็นผู้ที่ผูกขาดตำแหน่งผู้นำมาตลอดเวลา 30 กว่าปีของประเทศซิมบับเวนับตั้งแต่ได้เอกราชมา มูกาเบมีความสามารถบริหารประเทศจนติดอันดับหนึ่งของโลกของการทำสถิติเงินเฟ้อได้อย่างไม่มีประเทศใดในโลกจะเผยอมาเทียบเคียงได้ คือเกิดเงินเฟ้อในซิมบับเวถึง 11,200,000% ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2551
นั่นยังไม่เท่าไรนะครับ! ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2551 นั่นแหละเงินเฟ้อของซิมบับเวขึ้นไปถึง 516 quintillion% (คือ 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกสิบแปดตัว)
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกนี้ก็คือ นายมูกาเบได้ขับไล่เกษตรกรชาวผิวขาวออกจากประเทศแล้วยึดที่ดินที่ชาวผิวขาวที่ทำการเกษตรมีอยู่อย่างมากถึง 75% ของที่ดินการเกษตรทั้งประเทศ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของซิมบับเวตกต่ำขนาดต้องสั่งข้าวโพดที่เคยเป็นสินค้าขาออกกลายเป็นสินค้าขาเข้าที่ใหญ่ที่สุดจนปัจจุบันนี้ การยึดที่ดินของชาวผิวขาวในซิมบับเวนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปทำการบอยคอตประเทศซิมบับเวและเริ่มมีบัญชีดำสำหรับผู้คนต่างชาติที่ทำธุรกิจกับซิมบับเวตั้งแต่นั้นมา
แต่น่าแปลกอยู่นิดเดียวแหละครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ที่ประเทศซิมบับเวนั้นมีแร่แพลตินัม (Platinum-ทองขาว) ซึ่งราคาแพงกว่าทองคำประมาณ 2 เท่า และบริษัทแองโกลอเมริกันเป็นคนผูกขาดขุดอยู่เจ้าเดียวนะครับ
อ้อ! ซิมบับเวนี่เขามีเหมืองเพชรด้วยนะครับ เคยขุดโคตรเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 100 ปีมานี้ได้แล้วก็เคยถูกบอยคอตว่าเป็นเพชรเถื่อนเพราะละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไรนี่แหละ แต่เพชรก็คือเพชร เมื่อฝรั่งไม่ซื้อ คนจีน คนอินเดียเขาก็ซื้อ ตอนนี้ก็เห็นพวกฝรั่งไปแย่งซื้อเพชรของซิมบับเวแล้วนี่ครับ
เรื่องบัญชีดำอะไรนี่เห็นจะต้องพูดกันให้กระจ่างนะครับ มันเป็นยังไงกันจริงๆ คนบ้านเรานี่ชอบตัดสินอะไรผิดอะไรถูกหรืออะไรดีไม่ดีเร็วกันจัง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จริงๆ เลยว่ามันคืออะไรกันเจ้าบัญชีดำนี่นะครับ!
**************************************************************
จอห์น วิญญู ถ้ายังไม่เบื่อ..โปรดช่วยขยายด้วย..
เที่ยวหน้าฝากบอกแด็ดด้วยว่า ขอเบิ้ล 2 ชาม.. อร่อยมั๊กๆ..
แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 03:41:17
จากคุณ |
:
แมวน้ำสีคราม
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 55 03:40:32
A:180.180.93.149 X:
|
|
|
|  |