Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ครูบาศรีวิชัย" จาก ร.ศ.121 ถึง ม.112 ตอนที่ 2(ตอนจบ) ติดต่อทีมงาน

ต่อจากกระทู้ข้างล่าง

มารบ่มีบารมีบ่เกิด ขังได้ก็ขังไป

ข้อหาแรกที่ครูบาโดนยัดเยียดให้ยอมรับผิดคือ เป็นพระเถื่อนที่ไร้อุปัชฌาย์ แท้จริงแล้วพระอุปัชฌาย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยมีชื่อว่าครูบาแข้งแคระ เป็นพระป่าธุดงค์ที่ไม่มีใบสุทธิจากวัดใดๆ ส่งผลให้ตัวครูบาศรีวิชัยเองก็ไม่มีใบสุทธิโดยปริยาย

สองตัวตั้งตัวตีหลักที่คอยเล่นงานครูบาชนิดกัดไม่ปล่อย คนแรกคือพระมหาอินทร์ เจ้าคณะแขวงลี้ วัดลี้หลวง อีกคนคือหนานบุญเติง นายอำเภอลี้ ทั้งคู่สั่งให้ตำรวจกุมตัวครูบาศรีวิชัยจากวัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ไปกักขังไว้ที่วัดเจ้าคณะแขวงลี้เป็นเวลา 4 คืน ข้อหาส้องสุมพระเณรเถื่อน ถือเป็นกบฏต่อบ้านเมือง

ครูบาศรีวิชัยให้การว่า แต่โบราณมาประเพณีการบวชพระเณรของชาวเหนือมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับนายอำเภอหรือพระอุปัชฌาย์

หากพ่อแม่อนุญาตก็ถือว่าบวชได้ ไม่ผิดจารีตวินัยข้อใด ในขณะที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยมองทะลุถึงเนื้อแท้ของ "การบวช" แต่พวกอำมาตย์กลับยึดติดแค่ "เปลือกนอก"

ปี พ.ศ.2453 มีการสถาปนา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีการริเริ่มการปกครองคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล

ในปีเดียวกันนั้นเอง คู่หูดูโอ้ เจ้าคณะแขวงลี้-นายอำเภอลี้ เห็นว่าครูบาเจ้าศรีวิชัยยังไม่ยอมหยุดยั้งพฤติกรรมการเดินสายบวชให้แก่กุลบุตรทั่วล้านนา นำไปสู่การต้องอธิกรณ์ครั้ง 2 ด้วยข้อกล่าวหาใหม่ที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมว่าเป็น "กบฏในพุทธจักร "

โดยอ้างว่าได้มีหมายเรียกให้ครูบาศรีวิชัยนำพระลูกวัดเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบกฎระเบียบใหม่ ณ วัดลี้หลวง หลายหนแล้วแต่ครูบาศรีวิชัยไม่เคยยอมเข้าร่วมรับฟังแม้แต่หนเดียว ทั้งๆ ที่วัดบ้านปางก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดลี้หลวง (อันที่จริงเป็นระยะทางไกลกว่า 40 ก.ม.)

คราวนี้ครูบาอ้างว่าท่านอยู่ในระหว่างการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ไม่สะดวกเดินทาง ครั้งที่สองนี้เจ้าคณะแขวงลี้ไม่เล่นงานโดยตรง แต่ส่งให้เจ้าคณะจังหวัดลำพูนไต่สวนแทน ครูบาศรีวิชัยถูกกักขังอยู่ ณ วัดชัยมงคล ใจกลางเมืองลำพูน 23 วัน กว่าจะได้รับการปล่อยตัว

ยัง ยังตามราวีไม่เลิก ครูบาโดนต้องอธิกรณ์ครั้งที่ 3 ด้วยข้อหาใหม่ "ผู้ก่อการกระด้างกระเดื่อง " เจ้าคณะแขวงลี้ได้สั่งให้ครูบาศรีวิชัยนำเอาลูกวัด เจ้าอธิการหัววัด ในตำบลบ้านปางทุกรูป ไปร่วมประชุมที่วัดลี้หลวงอีกครั้ง คือคอยแต่จะหาเรื่องแหย่ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าครูบาศรีวิชัยย่อมแข็งข้อเช่นเดิม

คราวนี้ครูบาถูกนำตัวเข้ามาให้พระครูญาณมงคล วัดมหาวัน เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เป็นผู้ไต่สวน ครูบาถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งหัวหมวดวัดบ้านปาง ขีดเส้นตายขั้นเด็ดขาดมิให้มีสิทธิ์เป็นพระอุปัชฌาย์อีกต่อไป พร้อมถูกกักขังที่บริเวณคณะอัฏฐารส วัดพระธาตุหริภุญไชย 1 ปี

เป็นหนึ่งปีที่คณะศรัทธาคนชายขอบหลากหลายชาติพันธุ์ทั้งกะเหรี่ยง ลัวะ โยน ยอง ลื้อ ขึน ชาวเขาเผ่าต่างๆ ขนส้มสูกลูกไม้เข้าออกวัดหลวงกันอย่างคึกคัก

ครูบาต้องอธิกรณ์ครั้งที่ 4 ในข้อหากบฏผีบุญวางแผน "ล้มเจ้า " มาอีกแล้วคู่หูดูโอ้เจ้าเก่า เจ้าคณะแขวงลี้และนายอำเภอกล่าวหาว่า วัดบ้านปางไม่ยอมจัดทำซุ้มถวายพระพรที่ประตูรั้ว ปฏิเสธการตีฆ้องลั่นกลอง ตามประทีปโคมไฟ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช รัชกาลที่ 6

ครูบาศรีวิชัยอ้างว่า วัดคือสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่มีหน้าที่รับใช้คำบัญชาจากส่วนราชการ แม้ภายนอกวัดของท่านจะดูเงียบสงบไม่ตกแต่งโคมประทีปหรือลั่นเภรีมหรสพ แต่ในความเป็นจริงนั้นตัวท่านพร้อมด้วยพระลูกวัดกำลังนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมแผ่เมตตาถวายแด่พระมหาบพิตรรัชกาลที่ 6 เช่นกัน

เมื่อเล่นงานเรื่องไม่แสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์รัชกาลใหม่ที่เพิ่งเสวยราชย์ไม่ได้ จึงต้องงัดแผนสองมาจู่โจมอีก นั่นคือการใส่ร้ายป้ายสี ฝ่ายอำมาตย์ได้ปล่อยข่าวลือบอกต่อๆ กันไปทั่วว่า ครูบาเพี้ยนถึงขนาดอ้างว่าเป็นต๋นบุญ กวัดแกว่งดาบวิเศษจากสวรรค์ให้มาปราบยุคเข็ญ ชาวล้านนาเรียกว่า "ดาบสะหลีกัญไจย" ประหนึ่งผู้มีบุญญาธิการ เป็นนัยว่าตนไม่จำเป็นต้องเคารพพระมหากษัตริย์แห่งสยาม



จาก ร.ศ.121 ถึง ม.112

นับว่าครั้งที่ 4 นี้ครูบาศรีวิชัยโดนจัดหนักกว่า 3 ครั้งแรก คือข้อกล่าวหาที่ว่าตั้งตนเป็นผู้วิเศษเพื่อวางแผน "ล้มเจ้า" ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรและพุทธจักรสยาม จึงถูกกักขังพร้อมกับศิษยานุศิษย์ที่เป็นบรรพชิตอีกราว 300 รูป เป็นเวลา 2 เดือน

ก่อนที่พลโทหม่อมเจ้าบวรเดช (อำมาตย์ขาใหญ่) อุปราชมณฑลพายัพ ให้นำตัวท่านมากักขังต่อที่วัดศรีดอนชัย อำเภอเมืองเชียงใหม่

ข่าวนี้ได้กระจายไปทั่ว จนหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์นำไปเขียนเป็นบทความ ข่าวแพร่หลายไปถึงชาวต่างประเทศที่ตั้งรกรากในเชียงใหม่

ทางมณฑลพายัพ มอบหมายให้หลวงประสานคดีชนคุมตัวท่านลงมากรุงเทพฯ เพื่อไต่สวนความผิดร้ายแรง 8 ข้อ สืบสวนไปสืบสวนมากลับไม่พบความผิด มีแต่เรื่องขี้ฮิดขี้หุย ดาบสะหลีกัญไจยก็คือเรื่องบ้าบอที่กุขึ้นมาคล้ายกับผังล้มเจ้าของปี 2553

แต่แล้วปฏิบัติการล่าแม่มดยังไม่สุดสิ้น ปี พ.ศ.2478 ครูบาถูกนำตัวลงไปกุมขังที่วัดเบญจมบพิตรสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ อยู่นานถึง 1 ปี ต้องอธิกรณ์อีกครั้ง ด้วยข้อหาเดิมๆ คือยังไม่หยุดยั้งการเดินหน้าเป็นพระอุปัชฌาย์ และยังดื้อด้านบวชให้ "พระอภิชัยขาวปี" ศิษย์เอกอีกรอบทั้งๆ ที่เคยถูกจับสึกไปแล้ว

ซ้ำการต้องอธิกรณ์ครั้งสุดท้ายนี้ยังพ่วงข้อหาใหม่เพิ่มอีกว่า อุตริก่อสร้างบูรณะวัดวาอารามต่างๆ โดยไม่มีใบอนุญาตจากกรมศิลปากร

จากพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ร.ศ.121 สู่กฎหมายมาตรา 112 ยุคปัจจุบันล้วนแต่เปิดช่องโหว่ให้เกิดการรังแก "ผู้บริสุทธิ์ "

ครูบาศรีวิชัยติดคุกตั้ง 4-5 ครั้ง รวมแล้ว 3 ปี ความเครียดส่งผลให้มรณภาพเร็วก่อนอายุขัยอันควรด้วยวัยเพียง 60

                                   เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์

จากอดีตสู่ปัจจุบัน ก็ยังไม่มีอะไรต่างกันมากนัก เห็นเป็นบทความที่ดี และสะท้อนความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน ท่านพระที่เรียกได้ว่า เป็นนักบุญแห่งล้านนา ชีวิตต้องยากลำบากจากการเสกสรรค์ปั้นแต่งสารพัดข้อหาของผุ้มีอำนาจ

มองอดีต แล้วอย่าลืมคิดถึงปัจจุบันกันด้วยนะครับ

จากคุณ : โฟโต้แมน007
เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 18:36:40 A:223.205.88.4 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com