โดยนายธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ประจำคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา และหนึ่งใน ครก.112 ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มงานว่า ประชาชนที่มีส่วนเข้าชื่อเสนอตามกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องน่าวิตก คนในสังคมต้องพูดคุยกันให้ดี เพราะเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าใช้ความเชื่อตัดสินอะไรล่วงหน้า และต้องคุยกันโดยใช้สติปัญญา
ในต่างประเทศหลายองค์กร ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพมองว่าการกระทำในไทยเป็นเรื่องที่น่าระอา เพราะฉะนั้นต้องมีการคุยกัน รู้จักจัดการกับความขัดแย้งและเป็นผู้ใหญ่เสียที เรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาในการอธิบายกับสังคมถึงเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีการรณรงค์ในเรื่องมาตรา 112 ในสังคม อยากให้สื่อมวลชนมีจรรยาบรรณ อย่าใช้หน้าที่สุมไฟหรือสร้างความขัดแย้ง
นายธงชัย กล่าวต่อว่า การเสนอแก้ มาตรา 112 เป็นการเปิดประตู อย่ามองว่าเป็นการปิดประตู หรือปฏิเสธความปรารถนาดี เพราะการแก้ไขมาตรา 112 เป็นวิถีทางที่จะไม่ให้นักเมืองดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อย่าคิดว่าการเคลื่อนไหวเป็นเกมทางการเมืองเพื่อเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือเป็นการล้มรัฐบาล แต่การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติในระยะยาว
นายธงชัย กล่าวต่อว่า หลังรัฐประหาร 2549 พวกกษัตริย์นิยมโฆษณาประชาธิปไตยแบบไทยๆ มิใช่เพราะพวกเขาพยายามสร้างสิ่งใหม่ แต่เป็นการเรียกร้องให้ยึดมั่นอยู่กับประชาธิปไตยแบบอำมาตย์ พวกเขากำลังฉุดรั้งขัดฝืนการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีทางย้อนกลับได้อีกแล้ว และการฝืนความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาคืออันตรายต่อสังคมไทย
ระบอบประชาธิปไตยแบบอำมาตย์ของพวกกษัตริย์นิยมอิงแอบสถาบันฯ อย่างมาก และคือตัวการใหญ่ที่สุดที่ดึงสถาบันฯ มาผูกกับการเมือง ส่งผลให้ประเด็นบางอย่างกลายเป็นปัญหาอย่างไม่ควรจะเป็น หากไม่ปรับตัว จะส่งผลให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันฯ กับระบอบประชาธิปไตย การปรับตัวหมายถึงต้องทำให้สถาบันฯ อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ต้องไม่มีการอ้างอิงสถาบันฯ เป็นแหล่งอำนาจอีกต่อไป ต้องไม่มีพวกกษัตริย์นิยมอยู่ชั้นบนเหนือระบอบรัฐสภาที่มาจากประชาชน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลัทธิกษัตริย์นิยมเสนอว่า ระบอบการเมืองที่พวกเขาต้องการคือลดประชาธิปไตย เพิ่มพระราชอำนาจ ข้อเสนอเช่นนั้นจะยิ่งผลักให้สถาบันฯ ขัดแย้งกับกระแสความเปลี่ยนแปลงหนักยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายของสถาบันฯ เอง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000019435
