ได้อ่านได้ติดตามการเสวนาของ "สยามประชาภิวัฒน์" มานานหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาอภิปรายวันนี้พอมีเวลาว่าง ขออภิปรายในประเด็นนี้หน่อยนะครับ
โดยสรุปเนื้อหาใจความจากที่ได้อ่าน ก็พอจะสรุปได้ว่า ที่ประเทศไทยยุ่งยาก มีปัญหาขัดแย้งทุกวันนี้ก็เรพาะทักษิณ ที่เป็นนายทุน เข้ามาทำการเมือง กอบโกยผลประโยชน์ ทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจของตัวเอง โดยให้คำนิยามว่า "ทุนผูกขาด" หลอกประชาชน โดยใช้นโยบายประชานิยมล่อใจ ใช้เงินซื้อ
แต่ผมในฐานะที่ได้ร่ำเรียนศึกษา สนใจทางการเมืองมาบ้าง พอเอ่ยถึงคำว่า "ทุนผูกขาด" ผมกลับไม่คิดถึงทักษิณ แฮะ
ผมกลับนึกถึงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง ต่างหาก ที่เกาะกิน ยึดกุมทรัพยากรของสังคมไทยมานานแสนนานแล้ว
ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แต่ในเวลานี้ขอเรียกทุนกลุ่มนี้ว่า "ทุนขุนนาง" ไปพลางๆ ก็แล้วกัน
(อ้อ แล้วกรุณาอย่าเอาคำว่า "ขุนนาง" ไปผูกโยงกับสถาบัน อย่างที่ท่านใช้เป็นอาวุธถนัดเลยนะครับ ผมกล่าวถึงขุนนาง ก็หมายถึง กลุ่มคนที่มักจะแอบอ้างสถาบัน)
"ทุนขุนนาง" ในความหมายของผมก็คือ ทุนของกลุ่มคนที่ตกค้างมาจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พวกตระกูลใหญ่ ข้าราชการ พ่อค้าวานิช ที่ึ่ยึดกุมผูกขาดเอาทรัพยากรของประเทศเอาไว้ และไม่ยอมกระจายออกไปให้คนส่วนใหญ่ที่ด้อยโอกาสของสังคม
ทุนพวกนี้เราๆ ท่านๆ ก็คงจะรู้ดี ก็คือ บรรดาเหล่าพ่อค้าวานิช นักวานิชธนกิจดังๆ ไม่กี่ตระกูลที่ส่วนใหญ่หากินกับส่วนต่าง ความทุกข์ยากของประชาชน เช่น ดอกเบี้ย เงินกู้ ค่าเช่าที่ ธุรกิจระดับบนที่ตอบสนองเฉพาะคนชั้นสูง
ไปดูเถิดครับมีไม่กี่ตระกูล แล้วก็ผูกขาด เกี่ยวดองหนองยุ่ง เป็นญาติ เป็นดอง ไขว้กันไปกันมา โดยมีข้าราชการ ทหาร และกลไกสำคัญเป็นเครื่องมือให้ตลอด
ทุนเหล่านี้อาจจะรุ่งเรืองในยุคก่อน แต่ในยุคที่โครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป ประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้องหาสิทธิ หาสิ่งที่ควรจะได้ ทุนเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก
จุดเปลี่ยนแรกที่กระทบ "ทุนขุนนาง" ไม่ใช่ทักษิณ หากแต่เป็นยุคนายกฯ ชาติชาย ที่มีนโยบาย "แปรสนามรบเป็นสนามการค้า" และทำให้ที่ดินเอกชนสามัญมีค่ามีราคา สร้างเศรษฐีใหม่ ชนชั้นกลางขึ้นมากมาย
ในวันนั้นคนไทยส่วนหนึ่งเริ่มตื่นตัวแล้วว่าประเทศนี้ ทรัพยากรนี้เป็นของพวกเราทุกคน ทุกคนมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ด้วยสิทธิที่เท่าเทียมกัน โดยรัฐบาลกระจายโอกาสออกมา มิใช่ผูกขาดเหมือนแต่ก่อน
แต่รัฐบาลชาติชายก็พังพาบไปไม่รอด เพราะเข้าไปยุ่มย่ามกับทหาร กลไกใหญ่อันทรงประสิทธิภาพที่จะพลิกผันการเมืองการปกครองของประเทศได้ทุกเมื่อ ตามใจนึก
แล้วก็มาถึงรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลที่ผมขอเรียกว่า รัฐบาล "ทุนสามัญชน" ที่มีแนวคิดแตกต่างไปจากระบบคิดดั้งเดิม
นั่นก็คือ ทุนนิยมสมัยใหม่ ต้องก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน
นายทุนจะอยู่ได้ ร่ำรวยได้ เศรษฐกิจของชาติต้องดี ประชาชนต้องอยู่ดีกินดี มีฐานะ สิ่งเหล่านี้ก็จะย้อนกับมาเป็นกำลังบริโภคให้กับนายทุน สรุปก็คือ เมื่อการเมืองเข้มแข็ง เศรษฐกิจดี ทำมาค้าคล่อง ทุกๆ อย่างก็ดีด้วยกันทั้งหมด แบบภาษาปะกิตว่า WIN-WIN
แต่ตรงนี้ทุนขุนนางยอมรับไม่ได้ เลยมีวาทกรรมแปลกๆ ออกมาโจมตีกัน เช่น เผด็จการรัฐสภา ผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ
ถึงวันนี้ประชาชนตื่นแล้ว เขารู้แล้วว่าเขามีสิทธิที่จะได้รับโอกาสในทรัพยากรของชาติอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน โดยการกระจายของรัฐ
เขามีสิทธิที่จะได้รับเงินทุนสนับสนุนในการดำรงชีพ ประกอบอาชีพจากรัฐบาลของเขา โดยไม่ต้องพึ่งดอกเบี้ยโหดๆ แพงๆ เหมือนเก่า
เขามีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลยามเจ็บไข้ได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ต้องรอหมอเทวดาอย่างลมๆ แล้งๆ
เขามีสิทธิที่จะประกอบอาชีพ เป็นนายตัวเอง เป็นเจ้าของกิจการที่เขาถนัด โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน หาทุน หาตลาดให้
ฯลฯ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้หรือครับที่พวกสยามประชาภิวัตน์ขนานนามว่าทุนผูกขาด
ทุนขุนนางเก่าต่างหากที่ควรได้รับฉายานี้ และกำลังจะล่มสลายลงไปทุกที
จากโครงสร้างสังคมไทย และสังคมโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างมาก
และพวกคุณต่างหากที่ปรับตัวไม่ทัน!!!!
/////
ปล.ผิดตกยกเว้น ขี้เกียจแก้ เพราะเริ่มกรึ่มๆ แล้ว นะครับ อิอิ
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 55 19:12:24
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 55 18:51:53