สังคมไทยจึงต้องตั้งคำถามตัวเองก่อนว่าจริงหรือไม่ที่คนไทยไม่มีใครพูดหรือสนทนากันถึงสถาบันเบื้องสูง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ก็ถือว่านิติราษฎร์ได้เขียนประวัติศาสตร์ไว้แล้วว่ามีการพยายามแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงและอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยตราบนานเท่านาน
แต่ขณะเดียวกันบุคคลและกลุ่มที่ออกมาต่อต้านไม่ให้แก้ไขมาตรา 112 ก็จะต้องถูกบันทึกในประวัติ ศาสตร์เช่นกัน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นในอนาคตกลุ่มที่ต่อต้านก็ต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง!
โดยเฉพาะสื่อเสี้ยมและสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ หรือโทรทัศน์ ก็ต้องรับผิดชอบกับวิกฤตของบ้านเมืองขณะนี้ ไม่ว่าสื่อจะเป็นตัวเล่นเอง หรือเซ็นเซอร์ตัวเองจนไม่กล้าเสนอความจริงให้กับประชาชน จะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ถือว่าสื่อคือหนึ่งใน ตัวการ สำคัญที่ทำให้บ้านเมืองหายนะ ดังเช่นครั้งเหตุการณ์วิปโยค 6 ตุลา ที่สื่อเสี้ยมให้เกิดการสังหารนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะบิดเบือนข่าวและตกแต่งรูปภาพให้คนเข้าใจผิดว่ามีการหมิ่นองค์รัชทายาท หรือในประเทศรวันดาที่มีการเข่นฆ่าประชาชนเยี่ยงผักปลาก็เพราะการบิดเบือนของสื่อที่เป็นนักจัดรายการวิทยุปลุกระดมให้คน 2 เผ่าออกมาเข่นฆ่ากันจนเป็นสงครามกลางเมือง
จึงไม่แปลกที่แม้แต่อาจารย์และนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนส่วนหนึ่งก็ออกมาต่อต้านคณะนิติราษฎร์ ทั้งที่เรียนและทำงานด้านสื่อยังใช้ความเชื่อมากกว่าเหตุผล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วันนี้จึงไม่ใช่ บ่อเกิดแห่งปัญญาและบ่มเพาะประชาธิปไตย ให้กับนักศึกษาและประชาชน แต่กลับผลักดันให้คณะนิติราษฎร์ออกไปข้างนอกและสร้างความขัดแย้งในสังคม จนมีการตั้งคำถามว่าธรรมศาสตร์ยังมี ศาสตร์แห่งธรรม อยู่หรือไม่? หรือได้กลายเป็น อธรรมศาสตร์ ไปแล้ว?
ขณะที่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่ได้เสียง ข้างมากจากประชาชน โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ที่วันนี้รัฐบาลก็กลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าต่อสู้กับความจริง เพราะต้องการเพียงให้ตัวเองอยู่ในอำนาจให้ได้นานที่สุดเท่านั้น
สังคมไทยวันนี้จึงต้อง ตั้งสติ ในการเปิดรับข่าวสารอย่างรอบด้าน และ ใช้ปัญญา ในการวิเคราะห์ให้เห็น ทางสว่าง
โดยเฉพาะข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ในการขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่สังคมไทยทุกฟากฝ่าย ต้องอ่าน ให้เข้าใจ อย่าฟังแต่เพียง สื่อบอกว่า... มีคนเขาเล่าว่า... อย่าเชื่อทันทีทันใดโดยไม่ไตร่ตรอง
โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนให้มีการแก้ไขตามข้อเสนอนิติราษฎร์ก็ ต้องอ่าน เพื่อความเข้าใจที่ถ่อง แท้จนอธิบายให้คนในสังคมเข้าใจได้ด้วยความเมตตาและอดทน ในขณะที่ผู้คัดค้านต่อต้านนิติราษฎร์ก็ยิ่งสมควร ต้องอ่าน ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ เพื่อที่จะแสดงการต่อต้านข้อเสนอด้วยเหตุผล มิใช่ต่อต้านเพราะความเกลียดชัง
เมื่อได้อ่านข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เพื่อปฏิรูป มาตรา 112 แล้วสังคมไทยจะเข้าใจได้เองว่า ปรากฏการณ์แห่งนิติราษฎร์ เป็น ขบวนการล้มเจ้า หรือ ขบวนการล้มคนทรงเจ้า กันแน่?
สังคมไทยจึงจำเป็นต้องใช้ สติปัญญา ส่องทางสว่างเพื่อสร้างประชาธิปไตย ไม่ต้องให้ใครมาส่อง ไฟใส่โดมท่ามกลางความมืดในเวลากลางวันเช่นที่ ธรรมศาสตร์ อ
สุดท้าย...ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่าใดๆ อย่าลืมถามตนเองก่อนว่า... วันนี้ได้อ่านข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์แล้วหรือยัง?
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=13437