อย่างที่คุณ "คนอุบล" ได้ให้ความเห็นไว้บ่อย ๆ ว่า  "ประชาธิปัตย์นั้น คิดสองชั้นไม่ได้ คิดซับซ้อนไม่ได้ คิดหลายมิติไม่เป็น  คิดอะไรได้แค่ชั้นเดียวมิติเดียว"

เรื่องนี้  "ไข่ชั่งกิโล"  เป็นพยานได้ครับ  

และอีกอย่าง  อัตลักษณ์ของ ปชป. นั้น   คือ "ทำลาย" ครับ  ไม่ใช่ "สร้างสรรค์" 

ทำลายด้วยปาก  ด้วยคำพูด

บุคลิกของ ปชป. นั้น   ตรงกับคำว่า "โจรใส่สูท" เด๊ะเลยครับ  ดูได้เลยครับ แต่ละตัว เอ๊ย แต่ละคนนี่  ผมเผ้านี่เรียบแปล้  หน้าตาเนียนสดใส  เสื้อผ้านี่กริบ  ดูแล้วก็หล่อ สวยไปทุกคน  ดูแล้วน่าเชื่อถือ คือเป็นการเอา "เปลือก" หุ้ม "ปล้อน" น่ะครับ

ดูอย่างบุญยอด  วัชระ  มัลลิกา  ฯลฯ  สิครับ  ก่อนเข้า ปชป. นี่   บุคลิก หน้าตา เสื้อผ้าแต่ละคนเป็นไง  ตอนนี้เป็นยังไง   นี่คือพื้นฐานการ "ปล้อน" ที่ ปชป. ทุกคนต้องมีต้องเป็นให้ได้ครับ   ขั้นต่อไปคือการ "ดีแต่พูด"

พอสร้างบุคลิกให้น่าเชื่อถือด้วยเปลือกแล้ว  สิ่งต่อมาก็คือการใช้ "ลิ้น" พูดเอาดีใส่ตัวยัดชั่วคนอื่น  คนพรรคนี้จึงพูดเก่งกันทั้งพรรค 

ดูกรณีปรีดี  ดูกรณีบรรหารก็ได้ครับ   ว่า ปชป. ใช้ปากทำลายคนอื่นอย่างไร   ถึงวันนี้ นายบรรหารมั่นใจในสถานที่เกิดตัวเองหรือยังก็ไม่รู้ 

ปชป. คิดตื้น ๆ แค่ว่า  ยิ่งลักษณ์พูดไม่เก่ง หากดึงเข้ามาต่อปากต่อคำได้  ก็จะเป็นการทำลายยิ่งลักษณ์ได้   คิดเท่านี้จริง ๆ ครับ     เราจึงเห็น ปชป. ท้ายิ่งลักษณ์ดีเบตตั้งแต่ช่วงหาเสียง  แต่ไม่ได้ผล  แพ้เลือกตั้งย่อยยับ  แต่ยังไม่สำนึกว่าวิธีการ "พูด" มันไม่ได้ผล

วันนี้  ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาที่จะชวนยิ่งลักษณ์ต่อปากต่อคำอยู่นั่นแหละ   จ๊าดง่าวจริง ๆ

ปชป. รู้ครับ  ว่ายิ่งลักษณ์ไปอินเดีย  รู้ครับว่ายิ่งลักษณ์ไปปฏิบัติราชการเรื่องน้ำท่วม  แต่ ปชป. ก็ตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ แล้วเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์มาตอบให้ได้   นี่เขาเรียกว่า "ยุทธวิธี"  บ้องตื้นครับ  

คือ ปชป. คิดตื้น ๆ แค่ว่า พอสภาฯ ป่วน   มันก็เป็นข่าวใหญ่  เมื่อเป็นข่าว มันก็จะเป็นการบีบยิ่งลักษณ์ให้เข้าตอบกระทู้ให้ได้  ไม่วันใดก็วันหนึ่ง   ซึ่งพอวันใดยิ่งลักษณ์พลาดตอบกระทู้ได้ไม่ทันกับเล่ห์ทางคำพูดของ ปชป.  ก็เข้าทาง

แต่ ปชป. ไม่รู้จักคิดง่าย ๆ บ้างว่า  แล้วยิ่งลักษณ์เขาจะไม่รู้ทันหรือไง   คือ ปชป. คิดมิติเดียวอย่างทึ่คุณ "คนอุบล" ว่าไว้นั่นแหละครับ   มองมิติทางการเมืองแบบคิดเอาแต่ได้อย่างเดียว

ปชป. ตอนนี้   คิดเพียงว่า ทำไงก็ได้เพื่อดึงยิ่งลักษณ์เข้าสู่เกม "ต่อปากต่อคำ"  ถึงขนาดลงทุน "เสื่อม" กันทั้งพรรคก็ยอม  

ผมล่ะเห็นใจนายหัวชวน   จะเตือนเด็กในพรรคก็ไม่ได้  เพราะเด๋วเด็กมันจะย้อนเอาว่า "แล้วนายหัวไปทำอะไรที่ไหนล่ะ แอบทำตอนไหน ลักทำตอนไหน"

ปชป. พยายามดึงยิ่งลักษณ์มาเล่นเกมต่อปากต่อคำนานแล้วครับ  แต่ยิ่งลักษณ์เฉย   ปชป.เลยเล่นมันเรื่องใต้สะดือซะเลย  เพื่อยั่วยิ่งลักษณ์ให้หลงเข้ามาในเกมให้ได้

อีกอย่าง  ปชป. คงคิดว่า เรื่องชั้น 7 โฟร์ซีซั่นนี่   ถ้ายิ่งลักษณ์ไม่โต้  ยิ่งลักษณ์ยิ่งเสีย เพราะเป็นเรื่องคาวกาม

นี่ก็คืออีกหนึ่งความง่าวของ ปชป.   คือเรื่องนี้  ประชาชนเขาไม่เชื่ออยู่แล้วครับ  ยกเว้นพวกสาวกไร้ปัญญา ที่มีอะไรก็เฮตามกันไป  ก็เห็นสาวกพวกนี้เป็นมาแบบนี้ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว  นี่ยังดีที่ไม่มีสาวกบางคนออกมาบอกว่า มีญาติทำงานอยู่โฟร์ซีซั่น  แล้วเห็นอะไร ๆ  ยังงั้นยังงี้ เหมือนตอนบอกว่ามีเพื่อนเป็นพยาบาล มีญาติเป็นหมอตอนเล่นเรื่องมะเร็งทักษิณ

ผมสงสัยก็แต่ว่า  ทำไม ปชป. ไม่เล่น ไม่เน้นไปที่เรื่องว่า ยิ่งลักษณ์ไปพบนักธุรกิจเรื่องอะไร  คุยกันเรื่องข้อมุลภายในเพื่อเอื้อกันทางธุรกิจไหม   คุยกันเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ ไหม   ฯลฯ   ปชป. ทิ้งเรื่องนี้ไปเลย  หันมาเล่นเกมโลกีย์อย่างเดียว   

สงสัยกำลังหน้ามืด   ทั้งพรรค ทั้งกองเชียร์  

ผมก็เลยคิดว่า  ปชป. คงรู้ว่ามีใครไปคุยกับนายกฯบ้าง  คุยเรื่องอะไรบ้าง  และไม่มีอะไรเสียหาย ไม่มีอะไรแอบแฝง   ปชป. จึงไม่เล่นเรื่องในลักษณะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

หรือ ปชป. อาจกลัวโดนย้อนก็ได้มั้ง  ว่า ตอนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ น่ะ  นายอภิสิทธิ์แอบไปพบกันนายสนธิ  ลิ้มทองกุล  ซึ่งเป็นทั้งแกนนำม็อบ เป็นทั้งผู้ต้องหาหลายคดี  ซึ่งตอนแรกนายอภิสิทธิ์ก็ปฏิเสธ   โฆษกพรรค ปชป. ก็ปฏิเสธ   โฆษกรัฐบาลตอนนั้นก็ปฏิเสธ   คือช่วยกันโกหกนั่นแหละครับ

แต่สุดท้าย  ก็โดนแป๊ะลิ้มแฉซะสิ้นไส้   ว่าพบกันที่ไหน  เมื่อไร  พบกันกี่ครั้ง      

ดีนะตอนนั้นที่ไม่มีใครสร้างเรื่องบ้างว่า  เป็นเหมือน "อีขวัญ" กับ "ขุนไกล" ไหม   

หรืออาจกลัวโดนย้อนว่า  อ้าว นายอภิสิทธิ์ยังแอบไปพบกับนายพสิษฐ์  ศักดาณรงค์  เลขาฯประธานศาล รธน.  ในเรื่องการยุบพรรคการเมืองอื่น   ซึ่งถือว่าผิดกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง  แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะ......................    ขี้เกียจสาธยาย 

ปชป. จึงเล่นเรื่องคาวกามอย่างเดียว  เพื่อหวังทำลาย หวังดึงยิ่งลักษณ์ให้เข้ามาเกมต่อปากต่อคำ

ปชป. น่ะ  คิดอะไรไม่เป็นครับ   ดีแต่พูด  ดีแต่ใช้ปากโกหก ปลิ้นปล้อน  หลอกลวงไปเท่านั้นแหละ  ทำอะไรไม่เป็นเลยจริง ๆ

ปชป. มั่นใจในฝีปากของตนเอง  เลยติดยึดอยู่กับวิธีการแบบนี้อยู่ตลอดมา  โดยไม่คิดว่าวันนี้โลกไปถึงไหนแล้ว

คิดดูสิครับ  2544 ก็แพ้    2548 ก็แพ้    2550 มี คมช.ช่วยแท้ ๆ ยังแพ้อีก    2554 ตัวเองเป็นรัฐบาล มีสื่อช่วย มีกองทัพช่วย  ก็ยังแพ้

แต่ไม่เคยสำนึก   ว่าการพูดอย่างเดียวน่ะ   ประชาชนเขาไม่เอาด้วยแล้ว

พูดก็พูดเถอะครับ   ปชป.ยุคก่อน  ถึงจะดีแต่พูดเหมือนกัน  แต่ก็ยังมีเหตุมีผลกว่ายุคนี้เยอะ  คือพูดจาแบบมีหลักการออกหน้าก่อน (ก็จนนายชวนได้รับฉายาว่า "จอมหลักการ" นั่นแหละครับ)  แล้วจึงตบท้ายด้วยการเหน็บ เสียดสี

แต่ ปชป. ยุคนี้  ยุคที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคนี่   มีแต่เหน็บ เสียดสีออกหน้า  โกหกตามมา  แล้วจึงทำอวดรู้แนะนั่นแนะนี่คนอื่น   เหตุผล หลักการอยู่ไหนไม่รู้

อย่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี่  ตอนตัวเองเป็นรัฐบาลก็บอกว่าไม่แก้ เป็นเรื่องของสภาฯ  แล้วสุดท้ายก็แก้  วันนี้ดันมาว่าคนอื่น     เรื่องเงินห้าพันบาทช่วยน้ำท่วม ตัวเองก็ไม่ได้เรื่อง วันนี้ก็มาทำแนะคนอื่น   เรื่องปราบปรามยาเสพติด อภิสิทธิ์ถึงขนาดบอกว่าเพราะการปราบปรามไม่ต่อเนื่อง ก็ตัวเองแท้ ๆ นั่นแหละไม่ต่อเนื่อง ยังเอามาพูดได้  ฯลฯ   คือไม่รู้อะไรอยู่ไหน ทำอะไรไว้ พูดอะไรไว้  ไม่รู้   แต่กูใช้คำพูดโจมตีป้ายสีคนอื่นตลอดเวลา

มันถึงหมดน้ำยาลงไปทุกวัน ๆ ไงครับ

ปชป. ยุคนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯนี่  ผมว่าพรรค ปชป. คงให้สมาชิกทุกคนเก็บสมองไว้ที่บ้านครับ  เอาแค่ปากมาทำงาน   เราจึงเห็น ปชป.พูดสะเปะสะปะได้ทุกเรื่อง  พูดแบบไม่อาย

อย่างสองสัปดาห์ก่อน  มีการประชุมสภาฯ เรื่องผลงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าฯ  มีสมาชิกท่านอื่นพูดถึงเรื่องน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ  เมื่อผลการแข่งขันจบลง คนแพ้ก็ควรแสดงความยินดีกับผู้ชนะ จับมือแสดงความยินดีเหมือนอย่างที่นานาประเทศเขาทำกัน

นายนิพิฏฐ์ ส.ส.ปชป. ก็ลุกมาพูดว่า ปชป. รู้จักแพ้รู้จักชนะ  แต่การจะให้ไปจับมือคนชนะเพราะการซื้อเสียงล่ะก็  ปชป.ทำไม่ด๊ายยยยยยยยยย....  ผมได้ยินแล้วขำจนตับสั่น  มันพูดได้ไม่อายจริง ๆ

การตั้งกระทู้   การให้โฆษกพรรคออกมาพูดป้ายสีคนนั้นคนนี้    การพยายามโยนขี้ใส่ทักษิณ   วันนี้มันจุดไม่ติดแล้วครับ  ประชาชนเขาเบื่อ  เหลือแค่ ปชป.  สาวก  และพวกอีแอบบางกลุ่มเท่านั้นแหละครับที่ยังบ้ากันอยู่

เพราะคิดวิธีอื่นไม่ได้  ทำไม่เป็น

จาก 2549  ถึงวันนี้   มันชัดขึ้นทุกทีครับ  ว่าใครกันแน่  ระหว่างทักษิณ กับ ประชาธิปัตย์  ที่ทำร้ายบ้านเมืองกันแน่

ก็ขอให้ ปชป.  รักษาพฤติกรรมอย่างนี้ตลอดไปครับ   บ้านเมืองจะได้เจริญขึ้นซะที  เพราะเลือกตั้งอีกไม่กี่ที

ปชป. สูญพันธุ์แน่ครับ (คือกลายเป็นพรรคห้าสิบ )