
เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เป็นเรื่อง
เริ่มต้นด้วยการเปิดประเด็นในเพจเฟซบุคของนายเอกยุทธเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เวลา 14.02 น. ว่า
"เจอยิ่งลักษณ์ที่ Four season hotel ก็ดีนะไม่เวอร์มา ไม่ต้องมีสมุนมาเดินเกะกะมากมาย..แต่ไหงเดินขึ้นไปห้องพักข้างบนล่ะ 5555"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328775258&grpid=03&catid=01&subcatid=0100
วันที่ 9 ก.พ. นายเอกยุทธแถลงข่าวเรื่องถูกชกหน้าอีกว่า
นายเอกยุทธกล่าวว่า ขณะกำลังนั่งรับประทานกาแฟที่สวนหย่อมของโรงแรม เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ บังเอิญพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเวลา 14.00 น. เข้าไปในอาคารโรงแรมกับชายคนหนึ่งและกลับออกมาเวลาประมาณ 16.00 น. ไม่ทราบว่ามาด้วยสาเหตุอะไรหรือเป็นการส่วนตัว...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328790491&grpid=02&catid=02
การเปิดประเด็นอย่างนี้ ของคนชื่อ "เอกยุทธ" น่าเชื่อถือ ?
น่าเชื่อถือถึงขนาดคนอย่างนายกฯหรือใครต่อใครต้องออกมาชี้แจงยังงั้นหรือ ?
วันต่อมา นายอภิสิทธิ์ ก็ฉกฉวยโอกาสทางการเมืองทันที ด้วยการให้สัมภาษณ์การที่นายเอกยุทธโดนชกหน้าว่า
"...ว่าเหตุการที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันกับนายกรัฐมนตรี หรือไม่อย่างไรต้องชี้แจง"
http://kunginternews.** ไม่ใช่ลิควิด **/2012/02/blog-post_4089.html
และก็ตามาด้วยการเล่นเกมกามของพลพรรคประชาธิปัตย์ ชนิดต่ำทรามเกินกว่าต่ำทราม
วันนี้ ความจริงเปิดแง้มออกมาแล้ว ว่าสถานที่เป็นอย่างไร บุคคลใดเข้าพบและหารือกับนายกฯบ้าง และเรื่องราวที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร
คาวกามหรือไม่ คำตอบชัดเจนแล้ว
แต่เรื่องกำลังจะกลับกลายเป็นว่า ตัวนายกฯทำไมไม่ออกมาชี้แจงตั้งแต่แรก
ไร้เหตุผลสิ้นดี
การพบปะระหว่างผู้นำรัฐบาลกับนักธุรกิจ นักการทูต นักการเมือง เกิดขึ้นทุกวัน เกิดขึ้นทั่วโลก ในสถานที่ของราชการบ้าง ในสถานที่เอกชนบ้าง เป็นเรื่องปกติของสังคมโลก
แต่เพราะความไร้เหตุผล มุ่งหมายทำลายอย่างเดียวจึงละเลยเหตุผล ใช้อารมณ์และความรู้สึกล้วน ๆ ในการโจมตี ปั้นเรื่อง ตั้งแง่สงสัย
พอเรื่องกระจ่าง กลับหันมาใช้ตรรกะบวม ๆ ว่าทำไมนายกฯไม่ชี้แจงให้เคลียร์ตั้งแต่แรก
แล้วใครล่ะครับเปิดประเด็น ?
ไอ้คนเปิดประเด็นน่ะ เปิดแบบไหน มีราคาค่างวดเท่าไรในความเป็นคนที่ควรไปตอบโต้ด้วย ?
หันกลับมาดูวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 ก.พ. อันเป็นวันที่นายกฯไปที่ 4SS แบบส่วนตัว (คือขอไม่ให้นักข่าวติดตามเพราะไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่ใช่แอบไป)
จากวาระการประชุม จะเห็นว่าเรื่องราวการประชุมในวันนั้น นายกฯสามารถปลีกตัวไปได้สบาย ๆ ไม่เสียหายต่อสภาฯ และราชการใด ๆ ทั้งสิ้น
คลิกดูวาระการประชุม http://edoc.parliament.go.th/public/output/result.asp?hidDocID=566084
เป็นปกติครับ ที่รัฐบาลจะพูดคุยกับนักธุรกิจ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์อะไรแน่นอน เพราะหากเพื่อผลประโยชน์ จะต้อง "ลับ" สุดลับ แต่นี่คือการพบปะกันแบบเปิดเผยในที่เปิดเผย แต่ถึงขั้นจะให้นายกฯอธิบายหมดว่าพูดอะไรกับใคร บางครั้งมันก็ไม่สมควรพูด
ไม่สมควรพูด ไม่ใช่พูดไม่ได้ หรือมีอะไรซ่อนเร้นซ่อนเงื่อน แต่คือมารยาทในวงสนทนาที่ไม่ควรพูดต่อ มันเป็นมารยาทพื้นฐานเท่านั้นเอง
ความเชื่อมั่นมันสำคัญครับ นักธุรกิจมีหลายกลุ่ม ไม่ใช่มีแค่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
เรื่องราวทั้งหมดมันเข้าใจได้ง่าย ๆ แต่ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมคิด เล่นสะใจอย่างไร้เหตุผลอย่างเดียว พอความจริงเปิด กลับโยนผิดให้นายกฯซะอีกว่าทำไมไม่ชี้แจงตั้งแต่แรก
พอคาวกามชักจะเละ ก็หันมาเรื่องเวลาราชการ เรื่องหนีสภาฯ ก็ดูรายละเอียดวาระการประชุมเอาก็แล้วกันครับ
ราชการน่ะ ระดับบริหารไม่มีใครนั่งเฝ้าโต๊ะหรือเฝ้าสำนักงานทั้งวันหรอกครับ นอกจากพวกเป็นห่วงเลขาหน้าห้องเอ๊าะ ๆ 
ทีหน้าทีหลัง หัดใช้ความคิด หัดใช้สามัญสำนึกบ้าง อย่าแค่อารมณ์ แล้วยังมาใช้ตรรกะบวม ๆ ในการโยนผิดซะอีก ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวทั้งหมดมันเข้าใจได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง
ทบทวนและตรึกตรองกันดูบ้างเถิด ว่ากี่เรื่องแล้วที่สร้างเท็จปั้นลวงกันมานี่ เล่นนอกระบบกันมากี่เรื่อง อย่าคิดแค่เอาชนะ อย่างน้อยก็มีเหตุผลอันสมควรสักนิดก็ยังดี
และ
อย่าใจหมากันนักเลยครับ !!!

......................................................................................................................
หล่อขอ ว.5 บ้างจิ
อักษรไม่กี่คำ
มีค่าล้ำกว่าสิ่งใด
ข้าแสนจะดีใจ
อาจเยื่อใยยังพอมี
ขอบคุณและขอบคุณ
ในการุณและไมตรี
น้ำทิพย์ชุบชีวี
คนใจเจ็บหนักเหน็บร้าว
http://www.youtube.com/watch?v=xeqFFLSU6Kg&feature=related
