"ดร.สมเกียรติ"ฉะไม่ยั้ง"สายล่อฟ้า"พูด"ไม่มีหูรูด-ไร้สติ" "ศิริโชค"วอนผู้ชมอย่าอ่อนไหวกับ"กระแส"
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชน อดีตสมาชิก
สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสุพรรณบุรี
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผ่าน
เฟซบุ๊คของตน ในหัวข้อที่ว่า "สายล่อฟ้า" Blue Sky Channel
ฟ้าผ่าหัวใจพรรคประชาธิปัตย์" ถึงกรณีที่รายการ "สายล่อฟ้า" ที่ดำเนิน
รายการโดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกอบด้วย นายชวนนท์
อินทรโกมาลย์สุต, นายเทพไท เสนพงษ์ และนายศิริโชค โสภา ถึงกรณี
ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่น โดยดำเนินรายการเมื่อ
วันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ แสดงพฤติกรรมที่ไม่
เหมาะสมกับการเป็นพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ดร.สมเกียรติตำหนิว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลัง"เอาตัวเองไม่อยู่"และ
หากอยากเป็นพรรคการเมืองระดับชาติต่อไป ควรต้องหยุดการกระทำ
เช่นนี้ทันที อีกทั้งพฤติกรรมของผู้จัดรายการทั้งสามราย
"หยาบคาย หยาบโลน ไร้สติ สิ้นจริยธรรม" ซึ่งการเป็นนักเมืองที่ดี
ที่เป็นตัวแทนของประชาชน จะพูดอะไรโดยไม่รับผิดชอบ ขาดจริยธรรม
ไร้กิริยามารยาท และขาดความมีสมบัติผู้ดีไม่ได้
ดร.สมเกียรติกล่าวว่า การใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมใช้คำพูดสองแง่สามง่าม
และใช้คำที่ไม่สุภาพ และได้ให้ความเห็นว่าเรื่องของนายกรัฐมนตรีบน
ชั้น 7 ของโรงแรมโฟร์ซีซันส์ นั้น เป็นความลึกลับที่ประชาชนอยากรู้แน่
นอนและนายกฯยังไม่ตอบให้หายสงสัยจึงมีเหตุผลชอบธรรมที่จะต้องตั้ง
ข้อสงสัยต่อไป อย่างน้อยสองเรื่อง คือ เรื่องชู้สาวคาวโลกีย์เรื่องหนึ่ง กับ
เรื่องธุรกิจส่วนตัวที่นายกฯไม่ต้องการบอกใครอีกเรื่องหนึ่ง
หากทั้งสองเรื่องนี้หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สังคมสงสัย จะมีผลกระทบต่อ
บ้านเมืองไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ศีลธรรมและจริยธรรม
ของผู้นำประเทศ ถือเป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วที่จะต้องค้น
หาความจริง แล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่การสืบหาความจริง
ต้องทำเป็นระบบวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล พรรคประชาธิปัตย์ ต้อง
ตามล่าหาความจริง ด้วยกระบวนการสืบสวนทั้งทางลับและทางการโดย
ใช้กลไกของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญและตามกฏหมาย
ดร.สมเกียรติยังระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองอื่นๆ มีสิทธิ
ที่จะสื่อข่าวผ่านสื่อของตน หรือมีสถานีโทรทัศน์เป็นของตนเอง "แต่ควร
ต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสาร
มวลชน และกรอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และหาก
องการใช้สื่อเพื่อให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ ควรใช้
สื่อเพียงเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการสร้างสังคม
ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน มิใช่เพื่อทำลายพรรคหรือนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ดังที่กำลังทำอยู่ขณะนี้
ทั้งนี้ ดร.สมเกียรติ เปิดเผยต่อว่า พรรคการเมือง ไม่ใช่สื่อสารมวลชน
และนักการเมืองก็ไม่ใช่สื่อมวลชน คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
คุณศิริโชค โสภา และคุณเทพไท เสนพงศ์ เป็นนักการเมืองซึ่งควร
มีบทบาท ผู้ถูกสื่อมวลชนสัมภาษณ์ มิควรมาเป็นสื่อมวลชนเสียเอง
ในไม่ช้าก็จะไม่มีใครมาสัมภาษณ์ เมื่อไม่คุุ้นเคยกับงานสื่อมวลชน
จึงเกิดความผิดพลาดเสียหาย เพราะจัดรายการไม่เป็น ดำเนินรายการ
ไม่ถูก บทบาทที่ควรจะมีก็ไม่มี ข้อมูลที่ควรสืบค้นก็ไม่สืบหา
กล้องโทรทัศน์ที่ควรจะไปถ่ายทำผลิตภาพก็ไม่ทำ รายการโทรทัศน์
ที่ยาวนานเป็นชั่วโมงจึงต้องพึ่งการ "พูดแบบไม่มีหูรูด"กันเต็มเวลา
ดร.สมเกียรติยังเผยว่า ในฐานะที่ตนเองมีประวัติชีวิตในการ"ลงคะแนน"
ให้พรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าพรรคการเมืองอื่น ตั้งแต่อายุ 18 ปี
กระทั่งปัจจุบันที่ 64 ปี "รู้สึกผิดหวัง"ในบุคคลชั้นนำทั้งสามคนของ
พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง คือ "คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต,
คุณศิริโชค โสภา และคุณเทพไท เสนพงศ์"
ทั้งยังระบุว่า "ความต่ำคุณภาพของสมาชิกพรรคฯทั้งสาม อาจสะท้อน
ถึง"คุณภาพโดยรวมของพรรคประชาธิปัตย์" ด้วย และ"หากไม่แก้ไข
ตามที่ใจผมปรารถนา ผมจะไม่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ใน
สมัยเลือกตั้งหน้าอย่างแน่นอน"
"พรรคเพื่อไทย ผมก็จะไม่เลือกเช่นกัน หากนายกยิ่งลักษณ์ไม่ปรับปรุง
ตัวเอง และหากไม่ชี้แจงให้ผมกระจ่างในเรื่องที่เกิดขึ้นบนชั้น 7 ของ
โรงแรมโฟร์ซีซันส์ และหากไม่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีคุณภาพให้
ผมภูมิใจได้" ก่อนที่จะกล่าวปิดท้ายว่า
"ผมจะอยู่เป็นพลเมืองไทยที่ไร้รัฐบาลไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต!"
_______________
ด้านนายศิริโชค โสภา ออกมากล่าวถึงกรณีที่ถูกโจมตีถึงการจัด
รายการ"สายล่อฟ้า" ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า
"ผมยืนยันสิ่งที่รายการ"สายล่อฟ้า"ให้คือสาระและข้อเท็จจริง มิได้
มีการบิดเบือนเหมือนสื่อแดง การนำเสนอก็อยู่ในรูปแบบ
"โหด มัน ฮา" จึงทำให้อีกฝ่ายเกิดความหวั่นไหว และพยายาม
สร้างกระแสเพื่อหยุดยั้งการทำหน้าที่ของรายการ"สายล่อฟ้า"
เราอาจมีวิธีการนำเสนอ ที่หนังสือพิมพ์ "มติชน"พยายามจุดกระแสว่า
"สองแง่ สองง่าม " ขณะที่เรามองว่าเป็นเรื่องของการจินตนาการของ
ผู้ชม หลายๆคำที่เราใช้เป็นคำที่มีใช้กันโดยทั่วไป เช่นคำว่า "เอาอยู่"
แม้แต่ในสื่อหลักรวมถึงหนังสือพิมพ์มติชนก็ยังใช้กันอย่างแพร่หลาย
และใช้ในมุมที่หนักกว่ารายการ "สายล่อฟ้า" อีก แต่พอรายการ
"สายล่อฟ้า" นำมาใช้ ก็มีกระบวนการจัดตั้งที่โจมตีเราอย่างหนัก
และทำให้แฟนๆรายการบางท่านเกิดอาการอ่อนไหวไปกับกระแส
ผมอยากให้ทุกคนหนักแน่น และฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกับเรา
ผมเชื่อว่ารายการ"สายล่อฟ้า" เหมือนกลอง ยิ่งตียิ่งดัง เพราะเรา
ยู่กับข้อเท็จจริง และจะทำหน้าที่เปิดโปงข้อเท็จจริงต่อไป เหมือน
ที่เราเป็นรายการแรกที่กล้าเปิดชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" ต่อสาธารณะ
ผมขอน้อมรับในคำติชมของทุกท่าน และจะพยายามปรับปรุงรายการ
ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนตลอดไป"
อ่านการแสดงความคิดเห็นของดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล เพิ่มเติม ได้ที่นี่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329711135&grpid=01&catid=&subcatid=
อีก 1 กระทู้กับเรื่อง 4 ซีซั่นส์ คราวนี้คงว่า "มติชน" ไม่ได้ เพราะนำมา
ให้อ่านทั้งผู้วิจารณ์และ ถูกวิจารณ์ ที่สำคัญ คนวิจารณ์วันนี้ เป็นแฟน
พันธ์แท้ของ ปชป. เป็นคนรังเกียจ หรืออาจจะเรียกว่าเกลียดขัง อดีต
นายก ฯ ทักษิณ แบบรู้กันไปทั่ว
คิดยังไงก็ได้ เก็บตกมาฝากจาก "มติชน" อีกแล้ว