ประชาธิปัตย์ เลือกกี่ครั้งก็ยังแพ้ โดย นฤนาถ พระปัญญา

ประชาธิปัตย์ เลือกกี่ครั้งก็ยังแพ้

( ที่มา : คอลัมน์ บันทึกคนข่าว  โดย นฤนาถ พระปัญญา (สยามรัฐ รายวัน 23 ก.พ. 2555)


ผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่รัฐบาลออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารหนี้เงินกู้กระทรวงการคลังเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555 วงเงิน 1.14 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อการบริหารจัดการน้ำ
             
    ไม่มีผลต่อการบริหารงานของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแต่อย่างใดทั้งสิ้น
             
    ผลจากการสำรวจทั้งโพลล์ที่ทำโดยสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ และของพรรคเพื่อไทยเอง ล้วนออกมาตรงกันว่า ประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นคนเมืองหรือชนบท ไม่ว่าจะมีฐานะดีหรือยากจนต้องการให้รัฐบาลจัดการแก้ปัญหาหลักสามประการคือ
             
    หนึ่ง ปัญหาน้ำท่วม
             
    สอง ปัญหายาเสพติด และ
             
    สาม ปัญหาเศรษฐกิจ
             
    เท่าที่ผ่านมาไม่ว่าปฏิปักษ์ทางการเมืองซีกพรรคประชาธิปัตย์ หรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสื้อเหลือง และหลากสี จะปรามาสว่า “สวยไร้สมอง” หรือ “นายกฯนกแก้ว” ก็ตามที แต่นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ได้พิสูจน์ในขั้นต้นแล้วว่า
         
    หนึ่ง ฉับไวต่อปัญหาและเปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง และการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่รัฐบาลขอความร่วมมือจากผู้รู้จริงเข้ามาช่วย เป็นผู้รู้จริงที่ไม่มีใครปฏิเสธ  
         
    สอง นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ต่อล้อต่อเถียง ไม่ว่าจะถูกฝ่ายค้านเปิดประเด็นชวนทะเลาะ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ความข้อนี้ได้สร้างมิติใหม่ในการเมืองไทยที่เคยเต็มไปด้วยการใช้วาทกรรมตอบโต้กันไปมาจนชาวบ้านเบื่อหน่าย และที่สำคัญที่สุดคือ
         
    สาม ได้รับการยอมรับระดับหนึ่งจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี  
       
    การปรากฏตัวของพลเอกเปรม ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อค่ำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ได้สร้างมิติใหม่ให้กับสังคมการเมืองไทยที่ปัจจุบันอยู่ในสภาพร้าวลึกแตกแยกในทุกอนูของสังคม  
     
    พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้แสดงออกซึ่งความเป็นมิตร ความเมตตาของอดีตผู้นำฝ่ายบริหารกับนายกรัฐมนตรีหญิง ที่วัยต่างกันเกือบ 50 ปีถือได้ว่าอยู่ในรุ่นหลาน ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ท่านประธานองคมนตรียอมรับการดำรงอยู่ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
     
    การปรากฏตัวของพลเอกเปรมเป็นการส่งสัญญาณต่อคนทุกหมู่เหล่าว่า ถึงเวลาแล้วที่ สังคมไทยจะกลับเข้าสู่ความปรองดอง กลับเข้าสู่ภาวะปรกติของสังคม มิใช่เป็นสังคมอัปลักษณ์อย่างในปัจจุบัน หาไม่แล้ว คงไม่อาจเลี่ยงภาวะสงครามกลางเมือง ที่คนไทยจะมาฆ่ากันเอง
         
    ไม่ว่าสัญญาณจากรัฐบุรุษจะชัดเจนแค่ไหนดูเหมือนว่า พรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยังทำหูทวนลม “ฟังแต่ไม่ได้ยิน”  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านยังคงปล่อยสมาชิกพรรคฯออกมาชวนทะเลาะกับรัฐบาลในทุกดอก ทุกเม็ด
       
    ไม่ว่าจะด้วยเกมนอกหรือในสภาฯ
       
    ไม่ว่าจะเป็นรายการ “สายล่อฟ้า”บนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย หรือในสภาฯด้วยการที่นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.ประชาธิปัตย์ จากจังหวัดสมุทรสงครามลุกขึ้นอภิปราย ดูถูกคนเพศเดียวกันชนิดทั้งน่าเกลียดและไร้รสนิยม
       
    ผมขออนุญาตไม่นำมากล่าวซ้ำให้เปื้อนหน้ากระดาษ
       
    พรรคประชาธิปัตย์สร้างความผิดพลาดให้กับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่คนในตระกูล “ทับสุวรรณ” ถูกส่งลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
     
    ตำแหน่งนี้ว่างลงเนื่องจากนายกฯ อบจ.สมุทรสาครคนเดิมถูกยิงตาย และผู้ต้องหาในคดีนี้ก็มิใช่ใครอื่นเป็น ส.ส.สมุทรสาคร นายครรชิต ทับสุวรรณ จนกระทั่งวันนี้ฝ่ายผู้ต้องหายังไม่ยอมส่งปืนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์
     
    คะแนนเสียง 137,900 คะแนนที่ชาวสมุทรสาครลงให้กับนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ มิใช่ลงให้ชายชรา  ตัวนายมณฑลถูกสถานการณ์บังคับให้กลับเข้าสู่การเมือง ทั้งที่เกษียณตัวเองมาเป็นเวลาหลายปี จริงๆแล้วคนมหาชัยลงคะแนนให้กับนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ บุตรชายอดีต นายก อบจ.สมุทรสาครที่ถูกสังหาร
       
    นายกันตกวี ทับสุวรรณ ที่ทุกคนรู้ว่าใส่เสื้อสีฟ้าประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเพียง 23,866 คะแนน  มาเป็นอันดับสาม
                                 *****************
     
    หรือจะรู้ว่าหากปล่อยให้บริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่ต้องบริหารบ้านเมืองเก่งกาจมากมาย ขอเพียงให้น้ำไม่ท่วม ปัญหายาเสพติดลดลง  หวยใต้ดินถูกนำกลับขึ้นมาบนดิน  สินค้าโอทอปกลับมาเป็นตัวเป็นตนอีกครั้งหนึ่ง ทหารไทยอยู่ในแถว  ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้น
     
    ซวยซิครับท่านผู้ชม คอยดูผลการเลือกตั้งตำแหน่ง นายก อบจ. ในจังหวัดต่างๆ ยกเว้นจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผมคิดว่า เลือกตั้งอีกกี่ครั้งก็ยังแพ้
     
    ระยะนี้ผมเห็นคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนมาอยู่ในกรุงเทพฯมากกว่าจะอยู่ที่จาการ์ต้า ขนาดเป็นประธานเปิดร้านตัดเสื้อก็ยังเอา  คุณอภิสิทธิ์เองน่าจะระวังหลังไว้บ้าง หันไปดูอาจจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์อย่างคุณศิริโชค โสภา หรือคุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุตก็เป็นได้

จากคุณ	: พิจารณ์รัฐกิจ
เขียนเมื่อ	: 23 ก.พ. 55 21:15:02 A:171.7.97.151 X: