กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเริ่มต้นขึ้นแล้ว และทุกอย่างก็เดินไปเหมือนเดิม เหมือนย้อนดูหนังเก่าที่เอามารีเมคครั้งแล้วครั้งเล่า
แม่นาคฯ บ้านทรายทอง ชุมแพ
จะมีหักมุมเปลี่ยนบทไปจากเดิมบ้างก็สุดแล้วแต่ผู้กำกับฯ แต่เค้าโครงยังเหมือนเดิม คือมีคนเสนอแก้ และมีคนคัดค้าน
คนเสนอแก้ก็เป็นพวกเดิมๆ คนที่คัดค้านก็เป็นพวกขาเก่าหน้าเดิม
ทั้งเหตุผลที่เสนอแก้และประเด็นคัดค้านก็ยังคงเหมือนเดิม คือแก้เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แก้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง แก้เพื่อล้างผิดให้กับคนพิเศษที่อยู่แดนไกล
เมื่อประเด็นการคัดค้านยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ เลยอยากขอย้อนความหลังทบทวนความทรงจำกันสักนิดว่า ใครหนอ? ที่เคยบอกกับประชาชนในช่วงรณรงค์ให้รับรัฐธรรมนูญปี 2550 ก่อนลงประชามติว่า ให้รับไปก่อน ไม่ดีค่อยแก้ไขภายหลัง
อย่าให้ต้องเอ่ยชื่อเลย คิดว่าประชาชนคงจำหน้าตาของคนพวกนี้ได้ดี เพราะล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ออกมาคัดค้านการแก้ไขทั้งในช่วงของรัฐบาลนายกฯสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่คนพวกนี้ไม่ยักคัดค้านการแก้ไขในยุครัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แค่นี้ก็พอจะรู้เช่นเห็นชาติกันแล้วว่า แท้ที่จริงที่ออกมาคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ค้านเพื่อส่วนรวม แต่เป็นการค้านแบบมีวาระซ่อนเร้น
ถ้าจะบอกว่าค้านเพราะแก้เพื่อประโยชน์นักการเมือง ก็อยากให้ย้อนไปดูที่แก้กันสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่าประเด็นที่แก้กันนั้นเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือไม่ แก้เพื่อผลทางการเมืองหรือไม่
แก้ไขให้ลด ส.ส.เขต เพิ่ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำเพื่อหวังผลอะไร? ใครก็รู้
ความจริงการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ควรคัดค้านแบบมีเหตุผล ไม่ใช่คัดค้านเพราะความกลัว
กลัวว่าจะแก้เพื่อคนนั้นแก้เพื่อคนนี้ ทั้งที่เขายังไม่ได้ลงมือเขียนรัฐธรรมนูญกันเลย
รอให้เห็นเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญก่อนดีไหม เพราะถึงตอนนั้นจะคัดค้านก็ไม่สายเกินไป เอาเหตุผลมาวางบนโต๊ะถกกันแล้วให้ประชาชนตัดสินในการลงประชามติ
หรือถ้าผลประชามติไม่ออกมาอย่างที่ต้องการก็จะไม่ยอมรับกันอีก
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=64443
ถ้าพวกนี้โหยหวน กันเป็นแถว เหมือนโดนของ แสดงว่ามาถูกทางแล้วครับ
