ถ้าใครเห็นภาษาท่าทางของ "ชวนนท์ โกมาลย์สุต-เทพไท เสนพงศ์-
ศิริโชค โสภา" คนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ในรายการ "สายล่อฟ้า"
หลังเกิดเหตุ "โฟร์ซีซั่นส์"
จะเห็นอาการกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนกับได้ "อาหารจานเด็ด" อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะ "ศิริโชค" ที่หยิบเรื่องนี้มา "เม้าธ์" อย่างเมามัน มีการวิเคราะห์
กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว.5 เดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ยิ่งมี "ตัวละคร" ชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" ปรากฏตัวขึ้นด้วย นายศิริโชค
ยิ่งสนุกปากมากเท่านั้น
เหตุผลหนึ่ง เพราะ "เศรษฐา" สนับสนุน "ทักษิณ ชินวัตร"
เหตุผลหนึ่ง เพราะ "ศิริโชค" ได้ข่าว "ก๊อสซิป" จากแวดวงไฮโซมา
ก่อนหน้านี้แล้ว
เขาจึงจับแพะชนแกะอย่างสนุกสนาน และ "ยักลงต่ำ" ตลอดการสนทนา
โดยนายชวนนท์และนายเทพไทคอยเป็นลูกคู่
แม้จะมีการวิเคราะห์ว่าการเดินทางไปพบนักธุรกิจเป็นการส่วนตัวอาจ
มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนบ้าง แต่กลายเป็นประเด็นเล็กๆ ในรายการ
ภาพที่ปรากฏบนจอจึงเป็นภาพของ "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" 3 คนจับกลุ่ม
"เม้าธ์" ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนุกสนานด้วยภาษาที่ "สมเกียรติ อ่อนวิมล"
ใช้คำว่า "หยาบคาย หยาบโลน ไร้สติ สิ้นจริยธรรม"
จากวันแรกที่ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา และ
พรรคประชาธิปัตย์หยิบยกมาเป็นประเด็น
"ประชาธิปัตย์" จะพุ่งเป้าไป 2 ประเด็นหลัก คือ 1.เอาเวลาประชุมสภา
ไปพบนักธุรกิจ และ 2.ตั้งประเด็นว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดย
เฉพาะกรณี "ฟลัดเวย์" หรือพื้นที่รับน้ำ เพราะหากนักธุรกิจรู้ก่อน อาจ
ซื้อที่ดินดักหน้าได้
ก่อนที่จะเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่อง "ใต้สะดือ" แบบสองแง่สองง่าม
ถึงขั้นพูดเล่นถึงป้ายหน้าห้องนอนในโรงแรมจากเดิมที่มีเพียง
"กรุณาทำความสะอาด" หรือกรุณาอย่ารบกวน มาเป็นป้าย "เอาอยู่"
จนกระทั่งภาพรายการ "สายล่อฟ้า" ปรากฏในเว็บไซต์ "มติชนออนไลน์"
และมีการส่งต่อไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก
พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็น "ฝ่ายรุก" ก็กลายเป็น "ฝ่ายตั้งรับ" เพราะเกิด
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ "3 เกลอ" และพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง
บูมเมอแรง "จริยธรรม" ที่ขว้างใส่ "ยิ่งลักษณ์" ย้อนกลับมาที่
"ประชาธิปัตย์"
และยิ่งปรากฏภาพห้อง "เอ็กเซ็กคลูซีฟ คลับ" ที่ชั้น 7 ของโรงแรม
โฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งเป็นห้องรับประทานอาหารและห้องประชุม แสดงให้
เห็นว่า "ชั้น 7" ของโรงแรมไม่ได้มีเพียงห้องพักเพียงอย่างเดียว
ตามมาด้วยการยืนยันจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ว่า
วันนั้นมีการสัมมนาที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ช่วงบ่าย และเขาเป็นประธานเปิดงาน
ที่สำคัญ นายกิตติรัตน์ยืนยันว่าเขาอยู่ในการสนทนาวันนั้นด้วย พร้อมกับ
นักธุรกิจอีกหลายคน
กระแสสังคมจึงพลิกกลับ
"สมเกียรติ อ่อนวิมล" ที่เคยประกาศเชียร์พรรคประชาธิปัตย์อย่าง
เปิดเผยมานานยังทนไม่ได้ ออกมาสับ "3 เกลอ" อย่างรุนแรงผ่าน
ทางเฟซบุ๊ก
"ผู้ใหญ่" ในพรรคประชาธิปัตย์จึงเริ่มขยับ ส่งสัญญาณเตือนไปยัง
เหล่า 3 เกลอ
ส่วนหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่ "3 เกลอ" พูดถึงเรื่องจริยธรรมทางเพศ
หรือมีคำว่า "ผิดผัวผิดเมีย" ที่หลุดจากปาก "ศิริโชค"
คนกลุ่มหนึ่งที่สะดุ้งอยู่ในใจก็คือเหล่า "ผู้ใหญ่" ในพรรคประชาธิปัตย์
เพราะหลายคนเคยเจอข้อหานี้มาก่อน
ส่วนหนึ่ง เพราะประเมินแล้วว่าการพุ่งเป้าเล่นเรื่องนี้กับ "ผู้หญิง"
โดยปราศจากหลักฐานชัดเจน มีแต่การปะติดปะต่อข่าว หรือ
วิเคราะห์จากบางประเด็นที่น่าสงสัยโดยเฉพาะเรื่องนายกฯ ยิ่งลักษณ์
ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ชัดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก
ยิ่งเดินหน้าต่อยิ่งทำให้ฐานเสียงกลุ่มหนึ่งไม่พอใจ
หลังได้รับเสียงเตือน ท่าทีของ "ศิริโชค-ชวนนท์-เทพไท" จึงเริ่มเปลี่ยนไป
เขายังไม่หยุด แต่กลับไปเล่นเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อไม่มีประเด็นเรื่อง "ชู้สาว" การตั้งสมมุติฐานเรื่อง
"ผลประโยชน์ทับซ้อน" จากประเด็น "นายกรัฐมนตรี" พบปะกับ
"นักธุรกิจ" นอกสถานที่ราชการ
ดูเหมือนว่า "น้ำหนัก" ของข้อกล่าวหาจะเบาบางเกินไป
เพราะคนอย่าง "กรณ์ จาติกวณิช" หรือ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"
ตอนเป็น "รัฐมนตรี" เองก็พบปะกับนักธุรกิจนอกสถานที่บน
โต๊ะอาหารเป็นประจำ
แม้แต่ "อภิสิทธิ์" ก็เคย
นอกจากนั้น ระบบการสื่อสารที่ทันสมัย หากเพียงแค่ต้องการ
บอกข้อมูลเพื่อให้เพื่อนนักธุรกิจหาผลประโยชน์
ไม่จำเป็นต้องเจอหน้าก็บอกได้
หรือหากจะเจอกันเรื่องผลประโยชน์ แต่ต้องการปิดลับ ก็สามารถ
นัดพบในสำนักงานของแต่ละฝ่าย ซึ่งล้วนแต่เป็น "มหาเศรษฐี" ได้
นี่คือ ตรรกะพื้นฐานที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าพลาด
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตั้งประเด็นเรื่อง "ใต้สะดือ" ก่อน เมื่อต้อง
หยุดเรื่องนี้ความพยายามผูกโยงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจึงต้อง
ปะผุไปเรื่อยๆ
เช่น ความพยายามจุดประเด็นเรื่องนายเศรษฐาเป็นกลุ่มผลประโยชน์
เดียวกันกับตระกูลชินวัตร
ด้วยการยกเรื่องการประมูลที่ดินรัชดาฯ ว่ากลุ่มแสนสิริ ของนายเศรษฐา
ร่วมประมูลช่วยสร้างภาพให้ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ทั้งที่ข้อเท็จจริง คือ กลุ่มที่ร่วมประมูลคือกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
และกลุ่มโนเบิลฯ
ไม่ใช่ "แสนสิริ"
หรือเรื่องโครงการของแสนสิริที่เจอน้ำท่วมน้อยมาก
เกมนี้หากไม่ใช่ต้องการสร้างภาพเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน"
กลุ่ม 3 เกลอ อาจกำลังเล่นเกมกดดันให้นายเศรษฐาออกมา
ฟ้องหมิ่นประมาท เพื่อหวังใช้อำนาจศาลขอภาพโทรทัศน์วงจรปิดชั้น 7
ด้วยความเชื่อมั่นลึกๆ ว่าภาพที่ปรากฏจะเป็นประโยชน์ในทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเกมนี้ยิ่งนานวันพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งเป็นรอง
และทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ลดต่ำลง
ต่ำลงระดับ "ใต้เข็มขัด"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330236083&grpid=03&catid=&subcatid=
อ่านบทวิเคราะห์นี้แล้ว จะให้มัน ก็ต้องตามไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ 3 เกลอจาก
สื่อเดียวกันนี้ จะเห็นว่า จุดยืนไม่เปลี่ยน แม้บทวิเคราะห์จะบอกเกมนี้ปชป.เป็นรอง
เอากับเขาสิ
"สายล่อฟ้าภาคพิเศษ" เปิดใจ3เกลอภาค"ปชป." "ชวนนท์-ศิริโชค-เทพไท"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330313360&grpid=&catid=02&subcatid=0201
อ้อ ...เชิญเพื่อนๆ วิจารณ์บทวิเคราะห์ "มติชน" ได้หากเห็นว่า เกมนี้ ปชป.
เป็นต่อ จะมี "สายล่อฟ้า" ภาคพิศดาร หรือ บทอัศจรรย์ มาแถมด้วย
ก็อยากให้เจาะลึก ลงไปนะคะ มันดีค่ะ อยากอ่าน
"มติชน" ใช้แค่ "ใต้เข็มขัด" จะเจาะจงมากกว่านี้กันไหม
ก็ไม่ต่างกับเพื่อน ๆ ในนี้ เกมวันนี้เป็นรอง งัดเกมเมื่อ 7 ปีก่อนมาเล่น ก็ได้
หึ หึ อย่าใช้คำว่า "แถ" ค่ะ เพราะ "หนีทหาร" เป็นคำที่คนอื่นๆ ก็ใช้ เอาว่า
ใช้อภิสิทธิ์ สมัครเป็นอ.จ.ที่ร.ร.นายร้อยจ.ป.ร.เพื่อให้พ้นผิดที่ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร
เรื่องแบบนี้ ปกตินะคะ นร.นอกเขาทำกันค่ะ เมื่อไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารก็ไปสมัครรับ
ราชการทหารซะ ก็หมดเรื่อง แต่ที่เป็นเรื่อง และเขาไปคุ้ยกัน ก็คิอ คุณอภิสิทธ์
ไม่ได้ไปสอนหนังสือ จริงๆ ค่ะ เพราะมีการลาราชการยาวนาน ในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
มีคนเตือนดิฉัน ไม่ให้ไปโต้ตอบ เพราะมันเปล่าประโยชน์จริงๆ