<<< วาทกรรม..ว่าด้วยเรื่องทุนสามานย์ >>>
|
 |
ขยายความข้อสงสัย จากกระทู้คุณ คนไทยใจกว้าง เรื่องทุนสามานย์ << คิก ๆ
คำว่า " ทุนสามานย์นี้ " ริเริ่มขึ้นมาโดยศาสดาลิ้ม หลังจากเกิดการขัดใจกับทักษิณ และพรรคฝ่ายค้านสมัยนั้น ไม่สามารถหาการทุจริตคอร์รับชั่นในรัฐบาลทักษิณได้เลย ทั้งยังแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยินอีกด้วย ทางออกที่จะล้มกระดานมีทางเดียวคือ " รัฐประหาร.. " แต่จะทำให้ทหารส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ค่อยจะมีความรู้ความเข้าใจการเมืองมากนักคล้อยตามได้นั้น.. จำเป็นต้องสร้างวาทกรรมขึ้นมาเป็นคำขวัญ เช่นว่า.. คอร์รับชั่นเชิงนโยบาย ซึ่งแปลได้ตรงตัวว่า ไม่สามารถจับความผิดเรื่องคอร์รับชั่นได้ แต่นโยบายนั้นน่าจะผิด !!? และส่งผลต่อเนื่องไปถึงกลุ่มทุนของทักษิณที่จะร่ำรวยยิ่งขึ้น.. จึงเป็นที่มาของคำว่า " ทุนสามานย์ "
ปัญหาคือ ทำไมต้องโค่นล้มทักษิณ ? เรื่องนี้กลับอธิบายได้ไม่ง่ายนัก.. ทั้งยังต้องเริ่มต้นด้วยว่า ทุนฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณน่ะ คือทุนประเภทไหน ? ทำไมจึงต้องมีความขัดแย้งกับทักษิณ ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้.. ตรงนี้เอง เดี๊ยนขอตั้งวาทกรรมว่า " ทุนผูกขาดสามานย์ " เดิมนั้นเอง ที่ไม่ยอมให้ใครมาแข่งขันกับตน..
ทุนผูกขาดสามานย์นี้.. พัฒนาตนเองมาตั้งแต่สมัยสมบูรณายาสิทธิราช เมื่อครั้งประเทศไทยเปิดประเทศติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และคนไทยเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพไพร่ เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัชกาลที่ 6 ก่อนหน้าความพยายามเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยครั้งแรก รศ.130
กลุ่มทุนสามานย์นี้ คือ กลุ่มเจ้าภาษีนายอากร อากรบ่อนเบี้ยและเจ้าของโรงสี ที่มีหน้าที่รับเหมาเก็บอาษีอากรจากประชาชนเอามาส่งให้ทางการแล้วตัวเองกินส่วนต่าง กลุ่มคนเหล่านี้ได้ผันแปรออกไปเป็นเจ้าของธุรกิจโดยมีการทำงานร่วมกับราชสำนักในสมัยนั้น และปัจจุบันนี้กิจการเหล่านี้ที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มธนาคาร กลุ่มกองทุนโรงรับจำนำ กลุ่มธุรกิจน้ำเมา กลุ่มธุรกิจสินค้าการเกษตร กลุ่มนำส่งออก-นำเข้า เช่น อิตัลไทย ซึ่งกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปตามภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจเปิด สำหรับธุรกิจปิดหรือมืด ได้แก่ มาเฟีย สินค้าผิดกฎหมาย บ่อน ยาเสพติดย์ ค้ามนุษย์ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ไม่สามารถกำจัดได้ มักจะติดคนมีสีอยู่เป็นประจำ ( ล่าสุดคือ กรณีนายทหารยศนายพันขนยาเสพติดด้วยรถของทหารบกมาฝากไว้ที่บ้านของสมาชิกพรรคการเมืองเก่าแก่ แต่เมื่อมีการสอบสวนก็ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงประเด็น ตัดตอนและทำให้เรื่องเงียบลงไป ) นี่คือตัวอย่างของพวกทุนผูกขาดสามานย์..
ในยุคปัจจุบันนี้ ยังมีประเด็นเรื่องของการทำมาหากินกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทองคำและน้ำมัน อย่างกรณีน้ำมันนั้น.. ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำมันมากกว่าตะวันออกกลางเสียอีก ในขณะที่คนตะวันออกกลางร่ำรวยมีความสุข.. คนไทยกลับยากจนข้นแค้น หรือการรับสัมประทานขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่แล้วต้องให้บริษัทต่างประเทศเป็นผู้รับสัมประทานไป เพราะถ้าหากให้ ปตทใ รับสัมประทานไป จำเป็นต้องเปิดเผยบัญชีรายได้ให้คนไทยทราบ หรือหากต้องการจะเอาแก๊สจากอ่าวไทยขึ้นมาใช้.. ก็จะมีพรรคการเมืองบางพรรคไปปลุกระดมประชาชนออกมาต่อต้าน เพื่อให้ต้นทางท่อแก๊สไปขึ้นที่ต่างประเทศแล้วประเทศไทยไปซื้อต่ออีกทีหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อมิให้กลุ่มทุนใดได้ผลประโยชน์จากธุรกิจนี้..
กลุ่มทุนผูกขาดสามานย์นี้ จะมีการคบหากันเหมือนระบบศักดินาโบราณ ได้แก่ การแต่งงานกันระหว่างตระกูล การฝากฝังระบบเส้นสายตัวเองเข้ากับตระกูลใหญ่นี้แหละ คือ การรักษาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งบุคคลที่ไว้ใจได้มาเป็นผู้คุมอำนาจในระบบราชการ ดังนั้น จึงมีความพอใจที่จะอยู่ในระบบเผด็จการที่มีความมั่นคงปลอดภัย เพราะทุนผูกขาดสามานย์นั้น ไม่ชำนาญในการแข่งขัน ชอบกินแต่หัวคิว
" เมื่อทักษิณเปิดช่องทุนนิยมเสรีหลายช่องทางเข้า.. ก็ไปทาสีทักษิณว่า กินรวบ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วก็คือ การกินรวบของพวกตัวเองนั่นแหละกำลังจะถูกแชร์ โดยกลุ่มทุนของทักษิณและกลุ่มทุนเสรีอื่นๆ จากต่างประเทศ "
นี่คือเหตุผลที่ต้องไปยึดทรัพย์เค้าเพื่อลดการท้าทายของทักษิณต่อทุนผูกขาดสามานย์ แถมเอาไปใช้กันสบายใจเฉิ่บ อย่าบอกนะว่าไปเข้าบัญชีพิเศษที่ไม่มีที่มาที่ไป.. แม้ว่ากลุ่มของทักษิณนั้นจะเป็นทุนนิยมเสรี และอาจส่งผ่านไปยังพี่น้องได้ แต่ก็มีห้วงระยะเวลาจำกัด ซึ่งไม่อาจครองอำนาจได้ตลอดไป.. เพราะทุนผูกขาดสามานย์นี้ได้ครองอำนาจมาหลายสิบปีแล้วต่างหาก.. ครั้นจะส่งพรรคการเมืองที่เป็นบริวารมาชิงอำนาจทางการเมือง ก็แพ้ยับ จึงต้องหาทางโทษระบบเลือกตั้งและนักการเมืองว่าเลวทรามต่างๆนาๆ จนถึงขนาดใช้คำว่า " เผด็จการรัฐสภาข้างมาก " ซึ่งเป็นน่าขำขันสำหรับนักประชาธิปไตย
แล้วการขัดแย้งกับทุนอย่างทักษิณนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ถ้ากล่าวกันเฉพาะเรื่องของทุน ทักษิณจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน ให้ประชาชนจัดการเอง ส่งคนไปเรียนต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อปลดปล่อยสังคมไทย และมีการให้การศึกษาที่ อ.อาจสามารถ สอนให้ประชาชนทำบัญชี บันทึกรายรับ-รายจ่ายเอง สอนให้บริหารธุรกิจของตัวเองเป็น ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามร้ายแรงสำหรับทุนนิยมผูกขาดสามานย์ ( โดนเรียกไปด่าด้วยแหละ อิอิ ) เพราะทำให้การเอารัดเอาเปรียบเป็นไปได้ยาก ทำให้ประชาชนหากินเองได้ ปลดปล่อยตัวเองจากระบบเศรษฐกิจผูกขาดต่างๆ.. ประเด็นนี้ยังไม่รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกว่ากึ่งหนึ่งเป็นการเทรดกันเองระหว่างกลุ่มทุนนิยมผูกขาดสามานย์นี้เพื่อล่อแมงเม่าบินเข้ากองไฟ..
การที่ประชาชนรู้จักทำมาหากิน สร้างฐานะของตนเองได้นั้น ทำให้เกิดการแข่งขันและกระทบรากฐานของทุนนิยมผูกขาดสามานย์นี้ ยิ่งทักษิณเปิดประเทศไทยสู่โลกภายนอกมากขึ้นเท่าไร นำเทคโนโลยีเข้ามามากแค่ไหน ก็จะสะเทือนมากเท่านั้น ลักษณะเช่นนี้ ไม่ต่างกับ ความคิดในการประกาศคณะราษฎร์ 2475 ที่ได้มีการพูดถึงเรื่อง การทำนาบนหลังคน ไว้พอสมควร อีกทั้งดูถูกว่าประชาชนโง่ ทั้งๆ ที่กลุ่มทุนผูกขาดสามานย์นี้เองต้องการให้ประชาชนไม่สามารถคิดเองทำเองและ ตั้งตัวได้ คงมีลักษณะจนตรอกดั่งไพร่ทาสในสมัยก่อนฉันท์นั้น..
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการทุกวิถีทาง ถ่วงเวลาไม่ให้ประเทศไทยพัฒนาระบบโทรคมนาคมเป็น 4G ทั้งที่ต่างประเทศกำลังจะเป็น 5G ไปแล้ว ( เอ่อ.. บ้านเรายังไม่ได้ 3G เลยนิ..แล้ว 3G ที่พูดๆ กันเนี่ย โม้ทั้งนั้น ) แบบนี้ในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ คนไทยจะเอาอะไรไปสู้ การบิตสินค้าต่างๆก็ไม่ทันชาวบ้านเค้า จึงต้องก้มหน้าก้มตาให้เค้าเหยียบต่อไป ในขณะที่กลุ่มทุนผูกขาดสามานย์นี้..ส่งลูกหลานที่ไร้สติปัญญาไปเรียนต่างประเทศ ขับรถสปอร์ตฉวัดเฉวียนอยู่เต็มไปหมด เมื่อรถไปเฉี่ยวชนใครก็ออกมายืนกดบีบีสบายใจ เพราะมีคนเคลียร์ปัญหาให้ ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนคนอื่นเขา..
สรุปดีกว่า.. วาทกรรมทุนสามานย์ ก็เป็นมุกเดิมๆ ที่ออกมาจากกลุ่มทุนผูกขาดสามานย์ ด้วยการชิงใส่ร้ายผู้อื่นไว้ก่อน ในเรื่องที่กลุ่มพวกตัวเองเป็นคนทำ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การกดขี่ขูดรีดประชาชน การสร้างความอยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ( กรูถูกเสมอ ) นี่แหละคือที่มาของวาทกรรมอันลือลั่นนี้..นี่เอง
 
จากคุณ |
:
มารร้ายวัวน้อย
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มี.ค. 55 16:23:17
A:109.163.233.200 X:
|
|
|
|