จุดสำคัญ ที่ รบ.ยิ่งลักษณ์ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็น ผู้บริหารประเทศ มาจากความอึดอัด ถึงการมี รบ. ที่เป็นผลพวงมาจาก การปฎิวัติ และการใช้ อำนาจและกลไก ของรัฐ สร้างความเสียหายและสูญเสีย กับ ปชช. ทั้งกับผู้มีความเห็นต่าง และผู้บริสุทธิ์ เพียงเพื่อการคงอยู่ของ กลุ่มครองอำนาจเบื้องหลัง เป็นสำคัญ โดยพื้นฐานสำคัญสูงสุด ของ รบ.ยิ่งลักษณ์ ก็คือ การเป็นผู้บริหารประเทศ ในระบอบ ประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นจุดเริ่มต้น และจากจุดนี้ ก็คือ การผลักดันนโยบาย ตามที่ประกาศหาเสียงเอาไว้ ให้เป็นรูปธรรม หรือความเป็นจริงขึ้นมา ถูกใหมครับ
ถ้าจะยึดเอาตาม คำแถลง ที่ว่า แก้ใขไม่แก้แค้น มาตีความในกรณี มาตราการสลายชุมนุมโดยการปฎิบัติการของ จนท.รัฐ ที่ส่อถึงความผิด ตามกฎหมายอาญา ถึง คดีฆ่าตาย ๙๒ คดี และพยายามฆ่า กว่า ๒๐๐๐ คดี รวม กว่า ๒๐๙๒ คดี โดยมีข้อมูล และพยานหลักฐาน ที่สมควรสันนิฐานได้ว่า น่าจะเกิดจากการกระทำของ จนท.รัฐ ในขณะปฎิบัติการ ถ้าจะมองถึงกำหนดการ ในวิอาญา ของกระบวนการยุติธรรมไทยที่มีการบังคับใช้ อย่างเช่น การชันสูจน์พลิกศพให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน กับเวลาที่ล่วงผ่านไป กว่า ๑ ปี หรือการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ๒๐๙๒ คดี ไม่มีคดีใดเลยที่ก้าวถึงระดับ พิจารณาตรวจสอบในระดับศาล เป็นต้น อันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน กับสังคมที่มีการบังคับใช้กฎหมาย ในระบบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย ครับ
การสอบสวน เพื่อคลี่คลาย ข้อสันนิฐานถึงการ มีการกระทำผิดตามกฎหมายอาญา เป็นพื้นฐานสำคัญอันหนึ่ง ในการใช้ชีวิตเสมอภาคในสังคมโดยการ อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน การที่ระบบดำเนินการ ของกระบวนการยุติธรรม ตามลักษณะของ รบ.ชุดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเบื้องหลังทางการเมือง หรือ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ส่อให้เห็นแนวคิดเข้าใจ ถึงการมี และใช้อำนาจ จนท.รัฐ ที่อยู่นอกการบังคับใช้เสมอภาค ของกฎหมาย นั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ความเชื่อมั่น ในสังคม ถึงการใช้ จนท.รัฐ เป็นเครื่องมือในการปฎิวัติยึดอำนาจ เป็นสิ่งที่จะสามารถบังเกิดขึ้นได้ ในทุกช่วงขณะและเวลาการ ในประเทศไทย นั่นเองครับ
ในเมื่อ รบ.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้ก้าวเข้ามารับทอด โดยมีความต้องการที่จะสนองการเป็นรัฐบาลของประชาชน โดยใช้วิธีแก้ใข ให้เกิดมีความชอบธรรมและขจัดอันตรายจากการใช้ จนท.รัฐ ที่ผิดหลักประชาธิปไตย หรือกระทำรัฐประหารต่อไปได้อีก สำคัญที่สุดก็คือ การแก้ใขให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับ ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน ให้มีประสิทธิภาพ และรูปธรรม ตามวิอาญา ที่มีอยู่ บังเกิดขึ้น การรื้อคดีความ ในคดีฆ่าตาย ๑๖ จากอย่างน้อย ๒๐๙๒ คดี และมาเพิ่มอีก ๔ คดี โดยมีเพียง ๔ คดีที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู้ การพิจารณาพิสูจน์การตาย ในระดับศาล ไม่เพียงเป็นการแสดงออก ของ รบ. ที่ส่อถึงความไม่จริงใจกับ คำแถลง ที่ต้องการ แก้ใข นอกจากจริงใจกับ ไม่แก้แค้น เท่านั้น ยังไม่มีรูปธรรมกับการหยุดยั้ง หรือปกป้อง การใช้อำนาจ จนท.รัฐ ในการปฎิบัติการนอกเหนือกฏหมายอีกด้วย และที่ลึกไปกว่านี้ก็คือ การสร้างกระแสความรู้สึก ถึงการถูกลวงหลอกซ้ำเติมของ ปชช. ที่ให้ความหวังโดยการให้คะแนนเสียงเอาไว้ ครับ
กระแสเตือนภัยในขณะนี้ ที่อาจมีการทำรัฐประหาร การถูกโจมตีในทุกลักษณะรูปแบบเพื่อโค่นล้ม รบ.ยิ่งลักษณ์ การขาดจุดยืนมั่นคงในการแก้ รธน. โดยขจัดผลพวงของรัฐประหารโดยสิ้นเชิง รวมทั้ง กระแสความท้อใจในการบริหาร ๒๐๙๒ คดี สิ่งเหล่านี้อาจเป็นผลที่ทำให้ รบ.ยิ่งลักษณ์ ต้องเริ่มนับถอยหลังได้แล้ว แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ในฐานะที่ รบ.ยิ่งลักษณ์ เป็นความหวังสุดท้าย ของสังคมในขณะนี้ ความเสียหายที่กำลังจะบังเกิดขึ้นตามมา กับประเทศและประชาชน ที่มาจากการอยู่เยื้อ ของผลพวงที่มาจากรัฐประหาร ไม่สามารถมี รธน.ฉบับประชาชน ไม่มีผู้ต้องรับผิดชอบใน ๒๐๙๒ คดี มีการรัฐประหารยึดอำนาจ หรือความวุ่นวายภายในประประเทศ ในอนาคตอันใกล้ สิ่งเหล่านี้ รบ.ยิ่งลักษณ์ จะตกอยู่ฐานะผู้ต้องรับผิดชอบ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ครับ
ในขณะนี้ รบ.ยิ่งลักษณ์ เป็นเสมือนนักโดดร่ม ที่กระโดดออกจากเครื่องบินมานานพอสมควรแล้ว ในกรณี พิจารณาสอบสวน หาผู้รับผิดชอบ ๒๐๙๖ คดีอย่างเป็นรูปธรรม ก็คือร่มกู้ชืพในขณะนี้ ถ้า รบ.ยิ่งลักษณ์ ยังสนุกสนานกับการเป็น รบ. ต่อไปโดยไม่แก้ใขอย่างจริงจัง ก็จะสามารถมอง ได้จากผลที่ นักโดดล่มตกสู่พื้นโดยไม่มีร่มกู้ชีพ ครับ
แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 55 20:51:53
ข้อสังเกตุ ถึงการทำความเข้าใจกรณี สังคมไทย กับ รัฐบาลเลือกตั้ง ที่ต้องการแก้ใขไม่แก้แค้น
