การขยับแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ หรือฉายา "รัฐธรรมนวยฉบับศีรษะคุณ" (คำผวนแบบสุภาพที่นำมาใช้โดยการไตร่ตรองไว้ก่อน) กลายเป็นที่แตกตื่นของบรรดาฝ่ายสนับสนุนเผด็จการอำมาตย์+ขุนศึก อย่างจ้าละหวั่น
และจ้องป่วนเมืองด้วยวิธีการเดิม หวังจะโค่นล้มรัฐบาลให้พังพาบเช่นที่ทำกับรัฐบาลท่านทักษิณเมื่อ ปี 2549 โดยมิพักต้องคำนึงว่า การได้อำนาจเถื่อนแบบนั้นก่อความยุ่งยากและเสียหายให้บ้านเมืองอย่างสาหัสสากรรจ์สักปานไหน
และที่สำคัญ การได้อำนาจแบบนั้นไม่อาจดำรงอยู่ด้วยการยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ ตลอดจนไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยะประเทศ จึงฉุดประเทศให้ถอยหลังอย่างน่าอดสูดังที่เห็นกันจะจะคาหูคาตาตลอดระยะ 5 ปีที่ผ่านมา
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงเป็นการกอบกู้เกียรติภูมิของประชาธิปไตย อย่างน้อยก็กำจัดรัฐธรรมนูญที่ออกมาจากมดลูกของเผด็จการ คมช. ที่ว่ากันว่า ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อจัดการกับคนๆเดียว ดังจะเห็นได้จากการปรารภของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ที่ว่า เขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ ก็แค่ใส่คำว่าห้ามคนชื่อทักษิณเป็นนักการเมือง ก็สิ้นเรื่อง !
กับกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข ออกมาเปรย อยากให้มีการแก้ไขปรับปรุงองค์กรอิสระ ตามรายละเอียดที่เราท่านทั้งหลายทราบกันแล้วนั้น ประเด็นไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการยกเลิกองค์กรอิสระอย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่มุ่งวิพากษ์ถึงที่มาของบุคคลอันไม่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย
และเพราะเท่าที่เห็นกันมา ผู้คนที่ไม่กินแกลบกินรำย่อมทราว่ามีการเอื้ออีกฝ่าย เหยียบอีกฝ่าย ชนิดไม่ต้องอายฟ้าดิน.... จริงหรือไม่
ถ้าหากผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเหล่านี้ไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการสรรหาใหม่ตามวิถีประชาธิปไตย ก็จะกลายเป็นว่า พรรคฝ่ายค้านจะใช้พวกท่านเป็นเครื่องมือ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ยื่นฟ้อง ยื่นถอดถอน
ไม่อาจหวังได้เลยว่าวันหนึ่งวันใดพวกท่านจะไม่กลั่นแกล้งรัฐบาลของประชาชนเหมือนเช่นที่ไล่ท่านสมัครพ้นตำแหน่งเพราะงานอดิเรกทำรายการอาหารทางทีวี แล้วเปิดพจนานุกรมเชือด เลยเปิดโอกาสให้เนวินและพวกหันไปอุ้มมาร์กเป็นนายกฯในค่ายทหาร
มีคนที่เป็นเครือข่าย เผด็จการถ่างขาวางก้ามอยู่ในองค์กรอิสระ รัฐบาลย่อมระแวงเป็นธรรมดา
เพราะความยุติธรรมของพวกท่าน บางครั้งอยู่ที่การพลิกลิ้น ว่าจะบิดไปทางไหน
ลาออกเหอะ....เพื่อเปิดโอกาสให้สรรหาใหม่ตามระบอบประชาธิปไตย แม้ว่าจะได้พวกท่านมานั่งอีก ท่านจะอยู่ในตำแหน่งอย่างสง่างามและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 55 10:54:34