 |
/******* กระทู้สุดท้าย........................................***************/
|
 |
กระทู้นี้หงส์คิดว่าคงจะเป็นกระทู้สุดท้าย........ เกี่ยวกับแท๊บเล็ตในช่วงนี้ เพราะต่อไปจะจัดหนักๆ กับ ปรส. แล้วค่ะ...(ฮา)
ที่จริงว่าจะไม่เขียนแล้ว แต่พอดีมีหลังไมค์มาสอบถามความเห็นเพิ่มเติม หงส์ก็ต้องขออนุญาตคุณพี่ทองรำไรอีกซักกระทู้นะคะ ^^
เนื่องจากมีพี่ๆ ในบอร์ดเราสอบถามความเห็นมาว่า "...พัฒนาวิธีการสอน น่าจะได้ผลกว่าพัฒนา อุปกรณ์การศึกษา"
ตอบว่าจริงค่ะ เห็นด้วยเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าการพัฒนาอุปกรณ์การศึกษาจะไม่ได้ผลนะคะ
เอางี้ดีกว่า เราตัดเรื่องแท๊บเล็ตทิ้งไปก่อน สมมุติว่าไม่ต้องไปแจกมันละ เหลือเงินอยู่ปีละ 1,900 ล้านบาท (หงส์ไม่ได้หาข้อมูลนะคะ แต่อ้างอิงจากคุณน้าสมคิด)
ถ้าเอาไปเพิ่มเป็นค่าวิชาชีพครูล่ะดีมั้ย งั้นเราไปดูกัน....จำนวนครูทั่วประเทศมีประมาณกว่า 7 แสนท่าน สมมุติง่ายๆ ว่าประเทศเรามีข้าราชการครูซัก 3 แสนท่าน (ที่จริงเยอะกว่านี้ แต่เราสมมุติน้อยๆ เพราะงบประมาณมันมีน้อย)
เงินเหลือมาปีละ 1,900 ล้านบาท ครู 3 แสน แบ่งได้ท่านละ 6,333 บาท ต่อปี 1 ปีมี 12 เดือน ...เฉลี่ยได้เดือนละ 527.77 บาทต่อเดือนต่อคน
ว้าว เอามาแบ่งให้คุณครูได้เพิ่มขึ้นตั้งเดือนละห้าร้อยกว่าบาทแน่ะ แต่มีคำถาม...คือ
จำนวนเงินที่เพิ่มมาเดือนละห้าร้อยกว่าบาทนี้ มากพอจะดึงดูดครูที่มีคุณภาพหรือไม่?? และมากพอจะกระตุ้นให้ครูอาจารย์ที่มีอยู่พัฒนาคุณภาพตนเองหรือไม่ ??
ตามที่คุณน้าสมคิดเสนอมานั้นมีเหตุผล หงส์เห็นด้วยว่าครู-อาจารย์ควรมีฐานเงินเดือนสูงที่สุด ควรมีเงินเดือนสูงกว่าหมอ วิศวกร สถาปนิก ฯลฯ
แล้วเงินที่เพิ่มมาเดือนละห้าร้อยกว่าบาทนี้ มันทำให้มากกว่าหมอ มากกว่าวิศวกรหรือยัง? มันก็ยังไม่มากอยู่ดีล่ะเนอะ
ทีนี้ไปดูกันว่าทำไมหงส์จึงเสนอให้เงินเดือนครูต้องสูงกว่าอาชีพอื่นๆ ตอบว่า ก็เพราะครู เป็นคนสอนอาชีพอื่นๆ ไงคะ หากอัตราจ้างของครูสูงกว่าอาชีพอื่นๆ จะทำให้เกิดแรงดึงดูดให้คนอยากเป็นครูมากๆ เราจะได้คนเก่งๆ มาเป็นครูมากขึ้น
แต่หากดูจากค่านิยมทางการศึกษาในปัจจุบัน จะเห็นว่ามีนักเรียน-นักศึกษาเรียนดี น้อยมากที่อยากเป็นครู กลับกลายเป็นว่า นักเรียน - นักศึกษาที่เรียนปานกลางลงไป ที่หันไปเป็นครู
เคยได้ยินเด็กบางคนพูดว่า "เรียนครูเพราะเข้าเรียนอย่างอื่นไม่ได้แล้ว !!" ฟังแล้วเจ็บจี๊ดเลยค่ะทั้งๆ ที่เราไม่ใช่ครู มันเจ็บ .... เพราะมันเห็นอนาคตได้เลย...... ว่าเมื่อไหร่ที่ครู-อาจารย์รุ่นเก่าๆ เกษียณกันหมด การศึกษาไทยเละแน่
ที่หงส์ต้องขอแยกครู-อาจารย์ เป็นรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ เพราะว่าในสมัยก่อน คนเก่งๆ อยากเป็นครูกันมาก เนื่องจากครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ส่วนในปัจจุบันอาชีพครูยังมีเกียรติเหมือนเดิม แต่รายได้ไม่พอกิน คนเรียนเก่งๆ เลยหนีไปอาชีพอื่นกันหมด กลายเป็นคนไม่เก่งมาเป็นกันเยอะ
หากจะเพิ่มรายได้จูงใจพอจะให้คนเก่งหันมาเรียน หันมาเป็นครู แค่ห้าร้อยกว่าบาทคงไม่พอแน่ เอาซักเดือนละ 5 พันคงพอไหว รวมกับเงินเดือน 1 หมื่นห้าพันบาท จะกลายเป็น 2 หมื่นบาท ** ยังน้อยกว่าเงินเดือนวิศวกรจบใหม่บางองค์กรด้วยซ้ำไป
แต่เอาล่ะเอาเงินเดือนที่เพิ่มมาเดือนละ 5 พันเป็นตัวตั้ง
จะเห็นว่าเฉพาะงบประมาณที่ต้องเพิ่ม เพื่อกระตุ้นคุณภาพครู 3 แสนคน จะใช้งบฯ ปีละ 1หมื่น 9 พันล้านบาท ถ้าครูเยอะกว่านี้ก็ต้องใช้งบเยอะกว่านี้อีก
และต่อให้ทำได้จริงๆ ก็จะมีปัญหาตามมาอีกว่า.... ปรับขึ้นทุกคนหรือ ??
ครูทุกคนคุณภาพไม่เท่ากัน ครูที่ไม่มีคุณภาพก็จะดีอกดีใจกันไป ครูที่มีคุณภาพก็จะน้อยใจว่าทำไมได้เพิ่มเท่ากัน เหตุการณ์คล้ายๆ กับการปรับค่าแรง 300 บาทนั่นเอง
แล้วเราจะทำยังไงกับครูที่คุณภาพน้อยๆ ดี ไล่ออก ????.....ก็เกินไป เอาไปพัฒนาความสามารถ ก็ไม่รู้ว่าจะเพิ่มได้คุ้มกับงบประมาณหรือเปล่า
ถ้าให้เงินเดือนแพงเฉพาะเด็กเข้าใหม่ ก็จะโวยวายกันอีกว่าทำไมคนเก่าไม่ได้
ทั้งหมดทั้งมวลที่พิมพ์มาจนเมื่อย.........(ฮา) สรุปง่ายๆ คือ หงส์เห็นว่าควรพัฒนาครูอาจารย์จริงๆ แต่งบประมาณ 1,900 ล้านต่อปีน่ะ มันไม่พอหรอกค่ะ อย่างที่บอกค่ะ ถ้าจะจริงจังอย่างต่ำต้องปีละ 19,000 บาทต่อปี
และถ้าทำได้คนเข้าใหม่คงไม่มีปัญหา เพราะเมื่อรายได้สูง ก็จะมีคนอยากมาสอบเป็นครูเยอะ คนเก่งๆ ก็จะไหลมาเทมา
แต่ครูเก่า เราจะทำยังไง เพราะต้องคัดให้ได้ครูที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แบบในปัจจุบัน คือดีซะครึ่ง ขายแอมเวย์ซะครึ่ง ...........(ฮา)
ถ้าประเมินแล้วคุณภาพไม่ผ่าน พัฒนาแล้วก็ยังไม่ผ่าน แบบนี้พร้อมจะให้ปลดออกกันหรือเปล่า ???
ถ้าหากยังไม่พร้อมจะยอมรับว่าตนเองด้อยคุณภาพ การพยายามเพิ่มเพิ่มรายได้ครู-อาจารย์ ก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะสุดท้ายเสียงบประมาณมากขึ้น แต่ได้ครูคุณภาพเท่าเดิม
ทีนี้เมื่อการเพิ่มรายได้ครู-อาจารย์ ยังไม่ได้ผลในช่วงแรกๆ จะทำอย่างไร ก็ต้องเอาเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และใช้ครูที่มีคุณภาพเท่าที่มีอยู่ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นไปได้มั้ย ที่จะตั้งศูนย์การเรียนกลาง เพื่อให้ครูอาจารย์ที่เก่งๆ ในแต่ละสายวิชา มาเป็นติวเตอร์ แล้วให้เด็กทั้งประเทศได้เรียน !!!!
แน่นอนว่าระบบเก่า ทำไม่ได้แน่ๆ แต่เมื่อมีแท๊บเล็ต มีอินเตอร์เน็ต ทีนี้ง่ายมาก อาจารย์เก่งๆ ก็ติวเก็บไว้เป็นคลังข้อมูลเลย เด็กอยากเรียนเพิ่ม ก็เข้าสู่ศูนย์ข้อมูลกลาง โหลดไปดูกัน
ลดปัญหาการต้องไปเสียเงินติวได้แล้ว แถมลดปัญหาช่องว่างทางการศึกษาระหว่างในเมืองกับต่างจังหวัดได้ด้วย
สุดท้าย หงส์อยากเสนอว่า การพัฒนาการเรียนการสอนไม่ว่าด้านใดๆ ก็ดีทั้งนั้นล่ะค่ะ หากครูไม่พัฒนา เด็กก็เรียนไม่รู้เรื่อง หากสื่อการเรียนการสอนไม่พัฒนา เด็กก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ลองย้อนกลับไปคิดถึงสมัยเราเรียนกันดูนะคะ เราใช้สื่อการเรียนการสอนเยอะแยะมากมาย แต่เรามักจะลืมไปว่ามันคือสื่อการเรียนการสอน
เช่น ...ภาพประกอบ / สารเคมีในห้องแล๊บ / กระดานดำ พวกนี้เป็นสื่อการเรียนการสอนทั้งนั้น และหงส์เห็นว่าควรยังมีต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่ามีแค่นั้นแล้วพอ เราสามารถเพิ่มอย่างอื่นได้อีก
สรุปง่ายๆ ในความหมายของหงส์ก็คือ ใช้แท๊บเล็ตด้วย ใช้คอมพิวเตอร์ด้วย สอนทำสวนด้วย ทำแล๊บฟิสิกส์ด้วย พัฒนาครูอาจารย์ด้วย ปรับปรุงอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย มันทำพร้อมๆ กันได้นี่คะ
ทำไมเราต้องไปแยกคิด ว่าทำนั่นดีกว่ามั้ย ทำนี่ดีกว่ามั้ย ก็ทำมันทุกอย่างนั่นแหละ แค่อย่างไหนมันใหม่มันก็คงเป็นข่าวเยอะ
จะมีก็ส่วนของการเพิ่มรายได้ครู-อาจารย์นี่แหละค่ะ ที่ยังไม่เห็นชัดเจน แต่อย่างน้อย ปริญญาตรีก็ 1 หมื่น 5 พันบาทไปแล้วเนอะ ^^
เรื่องงบประมาณอื่นๆ หงส์ว่าก็คงจะมีมั้งคะ แต่มันไม่เป็นข่าว เพราะงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มีแค่ 1,900 ล้านบาทซะหน่อย
แค่อย่าเอางบประมาณไปซื้อธงชาติต้นละเป็นแสนเป็นล้านอีกก็แล้วกัน....(ฮา)
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 21:18:14
จากคุณ |
:
หงส์หิมะ
|
เขียนเมื่อ |
:
4 มี.ค. 55 21:11:19
A:124.122.153.209 X:
|
|
|
|  |