(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 6 มีนาคม 2555)

ยิ่งเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย
ยิ่งเห็นช่องว่างระหว่างพรรคมากขึ้น

และอีกไม่นานหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่พลิกเกมแก้ไขให้ดี...
ช่องว่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยก็จะถ่างขึ้นเรื่อยๆ

เพราะขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นที่ความมั่นคงของรัฐ
พรรคเพื่อไทยไปเริ่มต้นที่ความมั่งคั่งของคน

พรรคประชาธิปัตย์จึงไปผูกติดกับ "อำนาจรัฐ" ขณะที่พรรคเพื่อไทย
ป่าวประกาศทุกวันว่าให้ "อำนาจประชาชน"

พอมีการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์หยิบเรื่อง "เผาบ้านเผาเมือง"
ขึ้นมาต่อสู้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยหยิบเอาเรื่อง "ประชานิยม" ออกมาขาย

ขณะที่มีการช่วงชิงคะแนนนิยม พรรคประชาธิปัตย์
ออกอาการดุดัน ชิงชัง คนทำลายรัฐ

ส่วนพรรคเพื่อไทย ใช้ความอ่อนน้อม ประนีประนอม และความสงบนิ่ง

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา แทนที่พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้แบบสูสี
ตามการคาดการณ์ของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์

คะแนนเสียงที่ออกกลับห่างกันลิบ

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคประชาธิปัตย์มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ฝ่ายค้าน

ประชาธิปัตย์เห็นจุดเด่นคือการ "พูด" จึงกวักมือเรียก
นายกรัฐมนตรีเข้าไปถกเถียงกันในสภา

พรรคเพื่อไทยเห็นการ "พูด" เป็นจุดอ่อน แต่มีจุดแข็งคือ "การทำงาน"

ประชาธิปัตย์จึงกลายเป็น "นักพูด" ส่วนเพื่อไทยกลายเป็น "คนทำงาน"

เมื่อถึงวันเวลาทำงาน พรรคเพื่อไทยชู "ประชานิยม"

ประชานิยมของพรรคเพื่อไทยมีหลายเรื่อง

ทั้งเรื่องลด แลก แจก แถม เช่น บ้านคันแรก รถคันแรก

เรื่องการบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องการ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ตอนนี้กำลังโฟกัสไปที่กองทุนสตรีที่รัฐบาลให้ทุกจังหวัด
จังหวัดละ 100 ล้านบาท

จำได้ไหมครับว่า สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล
เขามีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท

มารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คล้ายคลึงกัน แต่แทนที่
กลุ่มเป้าหมายจะเป็นหมู่บ้าน

เปลี่ยนเป็น "หลังบ้าน"

ในทางการเมืองใครๆ ก็รู้ว่า "หลังบ้าน" มีอิทธิพลมากขนาดไหน
การเจาะเข้าไปในกลุ่มแม่บ้านของแต่ละจังหวัด เท่ากับเจาะตรง
"หัวใจ" ของคะแนนเสียง

ขณะที่พรรคเพื่อไทยรุกคืบด้านนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์กำลังคัดค้าน

คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้เลือกตั้ง
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พรรคประชาธิปัตย์บอกไม่เห็นด้วย เพราะการเลือกตั้งคือการเปิดทางให้
"การเมือง" เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ

แถมมีการพูดกันที่ปักษ์ใต้ทำนองว่าจะขนมวลชนขึ้นมาต่อต้าน

คล้ายๆ กับจะล้มกระดานหากจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง

คล้ายกับว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการมี ส.ส.ร.เลือกตั้ง
เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เหมือนกับว่า อะไรที่จะทำให้ประชาชน พรรคประชาธิปัตย์
ไม่เห็นด้วย เพราะมันจะเข้าทางพรรคเพื่อไทย

เช่น การเยียวยาเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ก็ยื่นศาลปกครองเพื่อสั่งให้ยกเลิก

ด้วยสมมติฐานว่าเหยื่อเหล่านั้นคือผู้ร้ายที่เผาบ้านเผาเมือง

วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงกลายเป็นพรรคที่ยืนอยู่ข้างอำนาจรัฐ
และถอยห่างจากอำนาจประชาชน

แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ทุกๆ จังหวะก้าว
ของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้กลายเป็นเช่นที่ว่า

ดังนั้น หากพรรคประชาธิปัตย์จะไล่ตามและแซงพรรคเพื่อไทย
บนเส้นทางประชาธิปไตยได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่

เริ่มต้นที่การยืนอยู่ข้างเดียวกันกับประชาชน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1331037567&grpid=&catid=02&subcatid=0207

หากจะกล่าวหากันว่า "มติชน"  อวยรัฐบาล  แต่ก็อยากถามต่อว่า
แล้วสิ่งที่เขาหยิบยกขึ้นมานี่  จริงหรือเปล่า ?  ใครอยากจะบอก
ว่าไม่จริ๊ง  ไม่จริงก็ได้ อยากอ่านจริง ๆ

เห็นคอลัมน์นี้ตั้งแต่เมื่อวาน  รอให้มาลงในเว็ปก่อน  ก็เลยตามมาแปะให้ได้อ่านกัน