เมื่อผู้ประมูล-ผู้ซื้อ เป็นคนละคนรัฐสูญรายได้เท่าไร...?
ปรส.กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจำหน่ายสินทรัพย์หลักของสถาบันการเงินฯ โดยอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล โอนสิทธิในการทำสัญญาขายมาตรฐานให้ผู้อื่นได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อรัฐหรือประเทศอย่างไร
1. ปรส.กำหนดหลักทรัพย์ เงื่อนไข และวิธีการจำหน่ายสินทรัพย์หลักของสถาบันการเงินฯ อนุญาตให้ผู้ชนะการประมูลโอนสิทธิในการทำสัญญาขายมาตรฐานให้ผู้อื่นได้ ในกรณีนี้ผู้ทำสัญญากับ ปรส.คือกองทุนรวมซึ่งมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี คือ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล พร้อมภาษีอื่นและลดหย่อนค่าธรรมเนียม ดังนี้
1.1 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร 3 ฉบับ ซึ่งมีผลบังคับใช้ พ.ย.2541
ฉบับที่ 336 ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฉบับที่ 337 ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ
ฉบับที่ 338 ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
1.2 กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ 47 (2541) ออกตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 กองทุนรวมได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎกระทรวงฉบับนี้โดยได้รับการปรับลดหย่อนค่าธรรมเนียมการรับโอนอสังหาริมทรัพย์ (จาก 2%-0.01% ทั้งนี้ไม่เกิน 100,000 บาท) มีผลบังคับใช้ 26 ต.ค.2541
ฉะนั้น การประกอบธุรกิจทุกประเภทของกองทุนรวมตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการในประเทศไทย ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว คาดว่าเป็นเงินจำนวนมาก นั่นหมายถึงการขายรายได้ของประเทศในจำนวนเดียวกัน
2. ผลจากการที่ ปรส.ให้ผู้ประมูลกับผู้ซื้อเป็นคนละคน มีผลตามมาดังนี้
2.1 รายได้ของ ปรส.หรือรัฐลดลง เพราะผู้ซื้อตัวจริงไม่ได้เข้าประมูล ซึ่งหากประมูลเอง และต้องการได้ ก็ต้องเสนอราคาที่สูงกว่าที่ผู้ประมูลเสนอราคาไป นั่นหมายถึงค่าธรรมเนียม 1% ที่ ปรส.หรือรัฐจะได้รับจะสูงกว่าจำนวนเงิน ปรส.ได้รับมาแล้ว เสมือนเป็นการหรือสมยอมราคา เพราะราคาที่ได้มิใช่ราคาซื้อที่แท้จริง
2.2 เงินที่จะคืนให้เจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินที่ถูกปิดได้รับต่ำลง
2.3 การออกข้อสนเทศการขาย ฉบับที่ 2 ทำให้ ปรส.ได้รับเงินจากการประมูลล่าช้าทำให้ประโยชน์ที่ควรจะได้รับลดน้อยลง
ประเด็นที่ 4 กรณีที่ผู้ประมูลได้เป็นบริษัทต่างประเทศ ประมูลได้แล้ว มีการขายคืนให้คนไทยและหากมีการขายเมื่อใด มีการขายภายใน 6 เดือนหรือไม่
ได้รับคำตอบด้วยวาจาจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ว่า เมื่อรวมสวมสิทธิในการทำสัญญาแล้ว ไม่ได้ขายต่อให้กับผู้ใด แต่บริหารเอง โดยจ้างผู้บริหารสิทธิมาดูแล
ประเด็นที่ 5 "Benchmark" ในการให้ประมูลสินทรัพย์ของ ปรส.ผู้ใดเป็นผู้กำหนด
ได้รับคำตอบด้วยวาจาจากเจ้าหน้าที่ของ ปรส.ว่า ปรส.จ้างเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นการกำหนดราคาขึ้นเพื่อให้บอร์ดหรือผู้บริหารใช้ประกอบในการพิจารณาประมูล ซึ่งขณะให้ข้อมูลส่วนงานนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
อนึ่ง หากการดำเนินการของคณะทำงานได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน เช่นเดียวกับหน่วยงานในภาครัฐ จะทำให้ผลการศึกษาได้ข้อเท็จจริงที่จะนำมาวิเคราะห์และนำเสนอข้อเสนอแนะซึ่งเป็นประโยชน์ ต่อคณะอนุกรรมการในการพิจารณาต่อไป
ข้อเสนอแนะ
1. เห็นควรตั้งคณะทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในประเด็นที่ภาคเอกชนยังไม่ให้ความร่วมมือเพื่ออธิบายข้อสงสัย ซึ่งจะได้นำมาวิเคราะห์และนำเสนอผู้บริหารเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป
2. หากไม่คำนึงถึง "ไชนีสวอลล์" ซึ่งไม่สามารถควบคุมหรือตรวจสอบได้ ในอนาคตเมื่อเกิดวิกฤต การณ์เช่นนี้อีก ไม่ควรอนุญาตให้บริษัทที่มีความเกี่ยวพันกับบริษัทที่ปรึกษาเข้าร่วมประมูล
3. เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนในประเทศทั้งที่มีเงินทุนน้อยและมากเข้ามาลงทุน ซึ่งส่งผลให้มีเงินเข้าสู่ระบบมาก กระแสเงินจะได้หมุนเวียนอยู่ในประเทศ เห็นควร
3.1 การจัดประมูลสินทรัพย์ควรใช้นโยบาย จัดสินทรัพย์เป็นกองเล็กๆ
3.2 ค่าธรรมเนียมตลอดจนเงินมัดจำในการดูข้อมูลหรือขั้นตอนต่างๆ ไม่ควรสูงมาก
ที่มา จาก ม.รัฐแห่งหนึ่ง ตามลิงค์
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2003q2/article2003june4p4.htm
เอาลงหมดไม่ได้ มันยาวมาก
สรุปคดีนี้ ง่ายๆ ชวน ออกตัวว่า ปรส.เป็นองค์กรอิสระ ไม่ได้ถูกควบคุมโดย รัฐบาล (อ้าว ทักกี้ จะโดนจับข้อหาอะไรล่ะ เซ็นต์ชื่อให้อดีตเมีย ประมูลที่ดิน จาก ปรส. ก็ไม่ผิด อ่ะดิ) ชวนม่ายผิด
ทะ:-)ๆที่ ปรส. ยอมให้ บริษัทฯลูก ของ บริษัทฯที่ปรึกษา เข้ามาประมูล ทรัพย์สิน ได้
โดยเงื่อนไขของ IMF เสมือนกำหนดทางเลือกให้กับรัฐบาลไทย ผ่านการปฏิบัติงานของปรส. ที่จำต้องเปิดประตูให้ GE Capital Goldman Sachs และ LEHMAN BROTHERS กอบโกยความมั่งคั่งออกไปจากระบบเศรษฐกิจไทยผ่านการประมูลสินทรัพย์ ปรส.
LEHMAN BROTHERS เป็นบริษัทที่อื้อฉาวที่สุดในสามบริษัท Vulture Company
LEHMAN BROTHERS ถูกโจมตีจากสื่อมวลชนอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นบริษัทที่ ปรส.จ้างให้เป็นที่ปรึกษา
แต่คงจะเห็นว่า แค่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอย่างเดียวได้น้อยไป ฟันได้ไม่มากพอจึงเข้าร่วมประมูลสินทรัพย์ของปรส.ด้วย และได้สินทรัพย์ของปรส. ไปด้วยราคาที่ถูกเหมือนได้เปล่า
ความ Trickgreedy (Tricky + Greedy) ของ LEHMAN BROTHERS ถูกโจมตีว่า เป็นเรื่องที่ไร้จรรยาบรรณไม่มีจริยธรรมในทางธุรกิจและเป็นเรื่อง Conflict of Interest อย่างโจ่งแจ้ง
แต่ผู้บริหารของ LEHMAN BROTHERS ซึ่งเป็นคนไทยกลับ Make คำอธิบายที่ยิ่งสะท้อนให้เห็นดีกรี Trickgreedy ของตัวเองได้อย่างดีว่า LEHMAN BROTHERS มีการแบ่งหน้าที่ระหว่างฝ่ายที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและฝ่ายที่ทำหน้าที่ประมูลอย่างชัดเจนตามหลัก Chinese Wall การประมูลสินทรัพย์ของ ปรส. ครั้งนั้น
LEHMAN BROTHERS และ GE Capital ได้สินทรัพย์ชั้นดี ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นสินเชื่อบ้านและรถยนต์ไปในราคาเพียงประมาณ 30% ของมูลค่าหนี้คงค้าง