+++++ ถกคุณแมวน้ำสีครามในกระทู้เก่า P11786283 เรื่องคตส และตอบและถามโบกกรัก อิงกระทู้ P11803096 +++++
|
 |
เรื่องคตส ของคุณแมวน้ำสีคราม
เนื่องจากคุณแมวน้ำสีคราม ถามไว้ในกระทู้ P11786283 นานหลายวันแล้ว ผมไม่เห็นแต่โบกกรักแจ้งบไว้ ผมได้กลับไปอ่านดูเห็นว่าน่าสนใจเลยขออนุญาตให้ความเห็นไว้ตามที่เห็นดังนี้
คุณแมวน้ำสีครามว่า.... มาตรา 39 บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ ในเวลาที่กระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่า โทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดมิได้
ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้
1 ) ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่ ถ้า คตส หรือ คณะบุคคลที่คณะรัฐประหารตั้งและรัฐธรรมนูญรองรับไว้ เกิดหมั่นไส้ใครบางคนขึ้นมา ก็เลยเอาด้ามสากกระเบือตีหัว ไล่ยิงชาวบ้าน หรือขับรถชน..ฯลฯ นี่ก็ต้องรับผิดทางอาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น และห้ามเพิ่มโทษเกินกว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลานั้น..? แล้วมิทราบว่า 1.1 ) มาตราดังกล่าวนี้ก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายทางการเมืองเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมของรัฐธรรมนูญ หรือไม่..?
ตอบ- มาตราไหนครับ ที่คุณยกมาในกระทู้ ผมเห็นมีแต่มาตรา 39นี้ ดังนั้น มาตรานี้ให้บุคคลรับผิดอาญาเมื่อกระทำผิดอาญา ย่อมเป็นการยุติธรรมแก่สังคมแล้ว ย่อมไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่หากไปเอาอย่างที่สมาชิกบางคนว่า คตส.ทำผิดอาญาแล้วไม่ต้องรับผิดอาญาอะไรแบบนั้น นั้นแหละจะวุ่นวาย
1.2 ) จากการออกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 30 ก.ย. 49 เพิ่มโทษในความผิดฐานยุบพรรค ซึ่งจากเดิมมีโทษเพียง 3 ประการคือ ห้ามไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ห้ามไปมีส่วนร่วมในการขอจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ และห้ามไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่น..คปค.เองก็ยังใช้หลัก กฎหมายเหมือนกับหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 39 คือ เฉพาะโทษอาญา 5 ชนิดเท่านั้น ที่ห้ามบัญญัติให้มีผลย้อนหลังเป็นโทษ แต่โทษการตัดสิทธิการเลือกตั้งไม่ใช่โทษอาญาจึงบัญญัติให้มีผลย้อนหลังได้ ..คุณคิดว่าเป็นธรรมหรือไม่..?
ตอบ- คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ โทษการตัดสิทธิการเลือกตั้งไม่ใช่โทษอาญาจึงบัญญัติให้มีผลย้อนหลังได้ และหลักการย้อนหลังได้นี้ใช้กับมาตราการเพื่อความปลอดภัยในลักษณะเช่นนี้มาก่อน มิใช่แต่คดีนี้ ดังนั้น เมื่อใช้หลักเดียวกันคือการใช้มาตรการเพื่อความปลอดภัย ที่ประมวลกฎหมายบัญญัติให้ใช้กฎหมายในวันพิพากษา การตัดสิทธิการเลือกตั้งตามประกาศ คปค จึงดูว่าทำถูกไปตามหลักเกณท์เดิมที่เคยมีอยู่และ สำหรับผมถือว่าเป็นธรรมแล้ว อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของผมนะ คุณจะเห็นต่างก็ไม่ว่า
2 ) แต่ถ้าเป็นกรณี คตส หรือ คณะบุคคลที่คณะรัฐประหารตั้งและรัฐธรรมนูญรองรับไว้ ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายตามประกาศของคปค..ถ้าผมเป็นผู้เสียหาย และไม่ได้รับความธรรม ผมจะร้องทุกข์กับใคร ตาม ม.157 หรือ 175 ..
อย่างกรณีคุณหญิงพจมาน ที่ฟ้องคตส.แต่ศาลไม่รับอุทธรณ์ เพราะเข้าข่ายพรบ.ปปช.2542 โดยให้ไปฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
ตอบ- การร้องทุกข์ว่าคตส ในขณะปฏิบัติหน้าที่ตามพรบ.ปปช. ที่ศาลอุทธร์วินิจฉัยให้ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ว่าปฏิบัติมิชอบ หรือผิดกฎหมายอาทิ มาตรา 157 และ 175 นั้น สามารถใช้สิทธิร้องต่อ สส. เพื่อให้สส.ดำเนินการตาม มาตรา ๒๔๙ ของรธน. ที่บัญญัติว่า สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า มีการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
3 ) แล้วถ้าวันนี้ผมไปฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง อย่างกรณีคุณหญิงพจมาน คุณคิดว่า
3.1 ) ต้องใช้วุฒิสมาชิกไม่ต่ำกว่า 2 ใน3 ถอดถอน ( ขออภัยที่อาจจำตัวเลขผิด ) แล้วทีนี้จะถอดถอนใครล่ะครับ ก็เขายุบไปตั้งนานแล้ว
ตอบ-หากจะฟ้องกันก็เป็นไปตามข้อ 2 ข้างบนคือใช้ สส และ/หรือ สว. ร่วมกัน 1 ใน 5 สามารถฟ้องศาลได้แล้ว (ว่าแต่เรืองยุบนี้นะ คุณแมวน้ำสีครามหมายถึงใครถูกยุบใครยุบใครหรือครับ ? )
3.2 ) แล้วกรณีนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตราสุดท้าย ม.309 จะคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ และขัดต่อ ม.39 หรือเปล่า..? ผมถามแค่นี้แหละครับ
ตอบ- มาตรา 309 คุ้มครองเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ตามประกาศคปค ต้องทราบว่า ประกาศคปค นั้นก็เหมือนกับประกาศคำสั่งราชการทั่วไป ให้ดำเนินการตรวจสอบ หากพบความผิดให้ส่งฟ้อง ประกาศนี้ทำให้คตส ตกสภาพเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายซึ่งต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย ปปช.วินิจฉัยให้คตส เป็นเจ้าพนักงานที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน คตส ก็แสดงบัญชีทรัพย์สิน ในสำนวนคำพิพากษาก็มีการอ้างอิงในลักษณธคตส เป็นเจ้าพนักงาน การฟ้องคตส ที่ผ่านมาก็ฟ้องในฐานะเจ้าพนักงานทำผิดประมวลกฎหมาย (แต่ฟ้องผิดศาล ดังที่ทราบกันแล้ว)
หากคตส ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ทำไปตามนี้นั้นคือตรวจสอบโดยสุจริต ส่งฟ้องโดยสุจริต ก็ย่อมได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย เพราะถือเป็นการปฏิบัติตามประกาศโดยสุจริต แต่หากคตส ฟ้องเขาโดยทุจริตคือไม่มีหลักฐาน หรือทำหลักฐานปลอมฟ้องเขา หรือทำทุจริตผิดกฎหมายอื่นๆในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็ย่อมต้องรับผิด เพราะการดำเนินการตามประกาศเขาไม่ได้สั่งยกเว้นให้ว่าสามารถไปทำหลักฐานปลอมฟ้อง หรือให้ไปทุจริตได้ ดังนั้นจึงต้องใช้หลักทั่วไปว่า เมื่อเป็นเจ้าพนักงานก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สุจริต หากไม่สุจริตผิดกฎหมาย ก็ต้องรับผิดรับโทษ
อนึ่ง ศาลเคยมีแนววินิจฉัยไว้ว่า การรับรองประกาศคณะรัฐประหารนั้น จะรับรองให้ใช้ได้เฉพาะเท่าที่ไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การรับรองประกาศคปค ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะประกาศไว้เช่นไร และรธน.เคยรับรองไว้อย่างไร การรับรองนั้นก็ไม่สามารถรับรองให้ถึงขั้นมาขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่บัญญํติให้มีการรับผิดเมื่อทำผิดอาญาได้ ดังนั้น สมมุติว่าในประกาศนั้นมีข้อความว่าให้ทำหลักฐานเท็จฟ้องได้โดยไม่ผิดอาญา การรับรองของรัฐธรรมนูญก็จะไม่รับรองข้อความตรงนี้ เพราะจะไปขัดรธน มาตรา 39 ที่บัญญํติว่า ต้องรับผิดอาญาเมื่อทำผิดอาญา แต่รธน เป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่าประกาศ
ตอบคำถาม โบกกรัก P11803096 เนื่องจากตรวจดูแล้ว พบว่าคำถามคุณซ้ำทุกตัวอักษรกับกระทู้เดิมคือ P11802967 ในข้อ 2 ถึง มีเฉพาะข้อ 1 ที่มีความแตกต่างเล็กน้อย จึงขอตอบข้อ 1 ที่คุณแต่งประโยคให้มีความแตกต่างไปเล็กน้อยไว้ดังนี้
1. ชงเอง+กินเอง+พิพากษา หลัง จากคุณทองรำไร มาให้เหตุผลเรื่อง คตส. ชงเอง+กินเอง+พิพากษา มาแย้งได้ สรุปแล้วคุณมีความเห็นว่า คตส. ชงเองทุกเรื่อง+กินเองบางเรื่อง+อคติไม่มีทุกเรื่อง+พิพากษาไม่เกี่ยวกับ คตส.
ตอบ – ไม่ใช่ วิจารณ์-ผมมีความเห็นว่าคตส ชงเองทุกเรื่อง กินเองบางเรื่อง มาตั้งแต่กระทู้แรกที่ถกกับคุณทองรำไรแล้ว ส่วนความเห็นเรื่องอคติไม่มีทุกเรื่อง และคำพิพากษาไม่เกี่ยวคตส.นั้น มีต่อคำถามของคุณในวันนี้
ข้อ 2 ถึง ข้อ 6 ซ้ำทุกตัวอักษร และเนื่องจากในขณะนี้ผมยังยืนความเห็นเดิมดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องพิมพ์ลงมาใหม่ ให้กลับไปอ่านคำตอบที่ตอบในกระทู้ P11803019 http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11803019/P11803019.html
ถามโบกกรัก
เนื่องจากคุณถามผม ผมตอบให้ทุกครั้ง และตั้งแต่สัปดาห์ก่อนต่อเนื่องมาถึงเวลานี้ ผมได้ตอบที่คุณถามไปน่าจะตกรวมเกือบ 30 ข้อแล้ว แต่เอาเถอะจะมากจะน้อยไม่สำคัญ ผมจำเป็นต้องขอถามคุณกลับบ้างดังนี้
1. มาตราใดในกฎหมายของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีมาแต่ปี 2542 ที่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าพนักงานสอบสวน ให้ตอบเป็นชื่อกฎหมายและมาตรา
2. มาตราใดในกฎหมายของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ห้ามไม่ให้ผู้ที่มีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น คตส เป็นพนักงานสอบสวน ให้ตอบเป็นชื่อกฎหมายและมาตรา
3. ความเป็นปฏิปักษ์กันที่จะมาอ้างว่าไม่ให้คตส เป็นพนักงานสอบสวนเพราะเป็นปฏิปักษ์กันนั้น ใครเป็นผู้ตัดสินได้ สมาชิกในบอร์ดนี้ หรือศาล
4. ทำไมในคดีที่เกิดขึ้นคุณทักษิณได้แย้งคตส.ต่อศาลในประเด็นต่างๆมากมาย ดังนั้น เรื่องความเป็นปฏิปักษ์ของคตส.ต่อศาลได้แย้งไว้หรือไม่ แย้งหรือไม่แย้ง
5. ในวันที่ 28 กพ.2551 คุณทักษิณกลับมาเมืองไทย และอยู่เมืองไทยสักพักก่อนบินออกไป หากคตส ในช่วงเวลานั้นส่งคนไปลอบยิงคุณทักษิณที่ศีรษะจนตาย คุณว่าคตส ผิดอาญาไหม ผิดหรือไม่ผิด
คุณถามผม 6 ข้อ ผมขอถามคุณแค่ 5 ข้อ กรุณาตอบด้วย และตอบผมสั้นๆตามที่ผมถามด้วย ส่วนจะมีคำอธิบายประกอบ ผมไม่ถือ เพราะสมาชิกที่เข้ามาอ่านจะได้ประโยชน์และเข้าใจมากขึ้น แต่ส่วนที่เป็นการตอบคำถามให้ตอบให้สั้นๆตามที่ถาม

.
แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 12:27:02
จากคุณ |
:
thyrocyte
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มี.ค. 55 12:20:36
A:58.137.0.146 X:
|
|
|
|