 |
+++++ คดีปรส ที่ดีเอสไอส่งให้ปปช และเป็นคดีที่มีมูลหนี้สูงสุดนั้น ข้อกล่าวหาตกไปตั้งแต่ ปี 2553+++++
|
 |
คดีปรส ที่ดีเอสไอส่งให้ปปช และเป็นคดีที่มีมูลหนี้สูงสุดนั้น ข้อกล่าวหาตกไปตั้งแต่ ปี 2553
คดีปรส ที่ดีเอสไอสอบสวนไว้ในเบื้องต้นว่ามีมูลหรือไม่ และส่งต่อให้ปปช ตั้งแต่เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2549 นั้น ดีเอสไอส่งให้ 5 คดี แล้วมีกลุ่มบุคคลนำไปบิดเบือนเผยแพร่ต่อๆๆกันไปในอินเตอร์เนตว่า พรรคประชาธิปัตย์ขายชาติ อะไรในทำนองนั้น ทั้งๆที่หากเช็คตรวจเนื้อข่าวต้นฉบับ จะไม่พบการอ้างอิงของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถึงพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานั้น ว่าได้มีการกล่าวหาต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการแถลงข่าวคราวนั้น แม้หากจะมีการฟ้องร้องธารินทร์ในเวลาต่อมา ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกสำนวนที่แยกกัน ไม่ได้ปรากฏการอ้างอิงพรรคประชาธิปัตย์ในการแถลงข่าวคราวนั้น จึงน่าจะเป็นการเติมไข่ใส่ข่าวแล้วพยายามแพร่กระจายออกไป เพื่อหวังผลทางการเมือง
กรณีที่มีการอ้างว่า ปรส นำทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท นั้น ดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนให้ปปช 5 คดี ตั้งแต่ ตั้งแต่เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2549 คือ
คดี ที่ 1 กรณี บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2541 ยอดคงค้างทางบัญชี 24,616.95 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 11,520 ล้านบาท
คดีที่ 2 กรณีบริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล ยอดคงค้างทางบัญชี 115,890.96 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาท
คดีที่ 3 4 กรณี บริษัท เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับ กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 1 3 ยอดคงค้างทางบัญชี 64,303.34 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 23,176.38 ล้านบาท
คดีที่ 5 กรณี บริษัท วีคอนกลอมเมอเรท จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมวีแคปปิตอล ยอดคงค้างทาง บัญชี 12,376.73 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 3,189.90 ล้านบาท
ในเวลานี้ มีการเรียกร้องจากเหวงและเสื้อแดงให้ปปช เร่งดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จ ก่อนหมดอายุความ แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่า ที่จริงแล้ว ความคืบหน้าของการสอบสวนของปปช มีไปพอสมควร และที่จริงแล้วมีอยู่หนึ่งคดีที่ ปปช สรุปแล้วว่าไม่มีหลักฐานและมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปแล้ว ตั้งแต่ก่อน 21 ก.ค. 2553 คือคดีปรส ขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล( คลิก ) ซึ่งน่าจะเป็นคดีที่ 2 ตามข่าวข้างบน และเป็นคดีที่มีมูลหนี้การซื้อขายสูงสุดในบรรดาคดีที่ส่งฟ้องคือ 115,890.96 ล้านบาท แต่สงสัยว่าจะไม่ปกติเพราะประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาท
ดังนั้น ต้องรอดูว่าคดีที่เหลือจะออกมาอย่างไร เพราะขนาดที่ว่าคดีที่มีมูลหนี้การซื้อขายสูงสุดในบรรดาคดีที่ส่งฟ้องคือ 115,890.96 ล้านบาท แต่สงสัยว่าจะไม่ปกติเพราะประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติ และปปช ต้องมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าที่สุดแล้ว หลักฐานในคดีอื่นๆก็อาจจะไม่มีพอเช่นกัน
แต่ผู้คนบางส่วนพากันเข้าใจผิดคิดว่ามีการทุจริต เพราะหลงผิดในตัวเลขที่นำมาอ้าง ซึ่งเป็นตัวเลขที่หลอกตา เนื่องจากสินทรีพย์ที่อ้างว่ามีราคา มูลค่า 851,000 ล้านบาท นั้น ที่จริงแล้วเป็นมูลค่าจากการปั่นราคาในยุคฟองสบู่ ที่ราคาทรัพย์สินต่างๆถูกปั่นขึ้นและการที่ปรส ประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาทนั้น อาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ทำใหไม่มีผู้ที่จะเสนอราคาได้สูง ก็อาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เช่นกัน ดังที่คุณไปฉี่ได้เทียบให้ดูในกระทู้วันก่อนว่า ทรัพย์สินในยุคนั้น เมื่อกองทุนฟื้นฟูนำออกมาขายในเวลาที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในยุคทักษิณแล้ว ที่คุณหญิงประมูลซือไป ก็ได้ราคาที่สูงไม่มาก แทบจะไม่แตกต่างจากยุควิกฤติเศรษฐกิจที่ปรส.ขาย (ที่ดินราคา 2 พันล้าน ประมูลขายในยุคคุณทักษิณได้เพียง 7 ร้อยล้าน ดุณายละอียดกระทู้คุณไปฉี่ข้างล่าง)
ดังนั้น ต้องรอดูว่าคีดอื่นๆที่มียอดการซื้อขายน้อยกว่า จะออกมาในรูปใด
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนของปปช นั้น เท่าที่ตรวจเช็คได้ในเวลานี้ ส่วนใหญ่จะไต่สวนดำเนินการไต่สวน ข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง หากจขกท มีเวลา อาจจะทำเป็นตารางสรุปให้ (แต่ไม่ทราบว่าจะมีเวลาทำหรือไม่นะครับ)

(แก้ 2 หมื่นล้านเป็น 2 พันล้านครับเพราะพิมพ์ผิด)
แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 20:36:10
จากคุณ |
:
thyrocyte
|
เขียนเมื่อ |
:
9 มี.ค. 55 16:46:01
A:58.137.0.146 X:
|
|
|
|  |