
คุณ burapong29 ครับ คนเรานั้นจะมีอยู่สามสิ่งในตัวตนเสมอครับ คือ ความรู้สึก ความเชื่อ และเหตุผล
ลอง ๆ วางความรู้สึกกับความเชื่อไว้ก่อนดีไหมครับ มายึดเหตุผลกันเป็นหลักในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
คุณ burapong29 ว่าทักษิณโกง เช่น แปลงสัญญาสัมปทานเป็นสรรพสามิต ให้พม่ากู้เงินเพื่อมาซื้อของชินคอร์ป ฯลฯ
ทีนี้ ถ้าผมพูดว่า นายอภิสิทธิ์สั่งการให้ปล่อยบริษัทบุหรี่เลี่ยงภาษีไปเกือบแสนล้านเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋า
ผมก็ดุ่ย ๆ แบบนี้แหละ คุณ burapong29 จะเชื่อผมเลยหรือเปล่า หรือจะถามผมว่าไหน ๆ เอารายละเอียดมาสิว่ายังไง แบบไหน อย่างไร
หรือคุณ burapong29 จะสรุปอีกทางว่า ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้เพราะมาร์คเป็นเด็กดี โดยไม่สืบค้นความเป็นมาเป็นไป ไม่ถามหารายละเอียดหลักฐานใด ๆ คือไม่เชื่อเลยอย่างเดียว
ผมถึงบอกไงครับ ว่าให้วางความรู้สึก ความเชื่อไว้ก่อน หันมามองหาเหตุผลเป็นหลัก เหตุผลจะหาได้จากที่ไหน ก็จากความเป็นมาเป็นไปของเรื่องราวที่กล่าวหากันไงครับ
เท่านั้นเอง
ประเด็นนี้พอเข้าใจนะครับ ว่าที่คนอื่นเขาถามว่าโกงอย่างไร แบบไหน ยังไงน่ะ เพราะอะไร เพราะต้องการเหตุผลก่อนครับ ก่อนที่จะเชื่อ และก่อนที่จะเกิดความรู้นึกไม่ดีหรือเกลียดชัง
เรื่องเงินกู้พม่า เรื่องแปลงสัญญาสัมปทาน ฯลฯ สารพัดเรื่อง ณ ที่นี่ บอร์ดแห่งนี้ถกกันไปจนเบื่อแล้วครับ มีข้อมูลแจกแจงละเอียดยิบว่าโกงจริงหรือไม่ ทำให้รัฐเสียหายจริงหรือไม่
แต่เพราะ "ความรู้สึก" และ "ความเชื่อ" มันบดบัง "เหตุผล" ไปซะหมด เลยไม่ยอมรับฟังกัน
ด่า โจมตีทักษิณในเรื่องเหล่านี้มากี่ปีแล้วครับ ได้ผลไหม ทำไมไม่ได้ผล คนไทยโง่ ? หรือเพราะคนไทยเขาไม่โง่เชื่ออย่างเดียว ?
และบทสรุป ก็คือเล่นงานทักษิณด้วยข้อหาแปลก ๆ คือที่ดินรัชดา กับยึดทรัพย์แบบบอกไม่ได้ว่าทุจริตยังไง
อ้าว แล้วที่ว่าโกง ๆ สารพัดโกงน่ะ มันหายไปไหนหมด ?
ว่าแล้วก็คิดถึงสาวเสื้อแดงคนเมื่อคืน ทำให้ผมขำก๊ากกกก.... ก็เธอตั้งกระทู้ย้อนคนที่ด่าเสื้อแดงว่าเป็นพวก ฉลาดอย่างประหยัด ด้วยการย้อนเอาว่าพวกไม่แดงน่ะ โง่อย่างฟุ่มเฟือย 
แหม๊ คมสุด ๆ
ใครได้เป็นแฟนนี่ ระวังให้ดี เพราะเธอ "คม" อย่าเผลอไผลนอกใจเป็นอันขาด มิฉะนั้นอาจขาดใจ 
เรื่องการเชื่อถือคำตัดสินของศาล
คนเสื้อแดงไม่ได้มองที่ "รูปแบบ" ครับ แต่มองที่ "เนื้อหา"
ไม่ใช่มองว่าศาลบอกแล้วต้องเชื่อไปหมด ต้องดูเนื้อหาด้วยครับ ว่าคำตัดสินนั้นมัน "สมเหตุสมผล" ไหม
คุณ burapong29 เอ่ยอ้างถึงเรื่องซุกหุ้นที่ศาล รธน.ตัดสินให้ทักษิณหลุด 8 ต่อ 7 เสียงเมื่อปี 2545 (เรื่องนี้สลิ่มปัญญาอ่อนก็หยิบขึ้นมาแขวะเป็นประจำ)
ว่าพอศาลตัดสินอย่างนี้ก็ว่าศาลดี ศาลถูก แต่ถ้าตัดสินว่าทักษิณผิดก็ว่าศาลไม่ยุติธรรม
คุณ burapong29 ครับ เรื่องซุกหุ้นนี่ เกิดเหตุ เหตุเกิดเมื่อปี 2545 ครับ ตอนนั้นทักษิณเป็นใครผมเองก็ยังไม่สนใจด้วยซ้ำไป และคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนผม ตอนนั้นใคร ๆ ก็เพียงแต่สนใจในแนวนโยบายคิดใหม่ทำใหม่ของไทยรักไทยเท่านั้นเอง
ที่สำคัญ ตอนนั้นบ้านเมืองยังไม่มีกีฬาสีครับ
วันนั้น หากศาลตัดสินว่าทักษิณผิดก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ เพราะวันนั้นบ้านเมืองยังอยู่ในโหมดปกติ ไม่เพี้ยนเหมือนอย่างทุกวันนี้
วันนั้น ศาลจะตัดสินว่าถูกว่าผิด ไม่มีใครคลางแคลงครับ เพราะความน่าเชื่อถือของศาลเรายังสูงมาก และเรื่องนี้มันไม่มีผลใด ๆ กับสถานการณ์ในวันนี้เลยครับ จับมาโยงมาเชื่อมกันไม่ได้
แหม... ก็อภิสิทธิ์เขาบอกอยู่นี่ครับว่า คนละสถานการณ์
ผิดกันแต่ว่า เรื่องซุกหุ้นนี่มันคนละสถานการณ์จริง ๆ ไม่ใช่แค่วาทกรรมแหล ๆ ของคนดีแต่พูดเท่านั้น
ลองลำดับเหตุการณ์ดูสิครับ เรื่องซุกหุ้นนี่ มันเชื่อมกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ไหม เชื่อมยังไง ผมว่ามันคนละทีปเลยนะครับ
เรื่องภาษีลูกทักษิณ ก็จะเอาไงล่ะครับ พอจะเอาผิดพ่อ ก็บอกหุ้นของพ่อ พอจะเอาภาษีกับลูกก็บอกว่าหุ้นของลูก
ผมว่าหุ้นมันงงนะครับ มันต้อง งง แน่ ๆ ว่าเฮ้ย แล้วตูเป็นหุ้นของใครกันแน่หว่า 
เมื่อศาลพิพากษาว่าทักษิณคือเจ้าของหุ้น แล้วจะไปเก็บภาษีจากลูกได้ไงล่ะครับ กรมสรรพากรเขาก็ต้องคืน เป็นการคืนตามคำพิพากษาครับ ไม่ใช่การซูเอี๋ยเกี๊ยะเซียะแต่อย่างใด
การตีความเรื่องโกง มันต้องยึดหลักกฎหมายครับ เพราะเราเป็นนิติรัฐ ไม่ใช่ไปบิดกฎหมายเอาผิดให้ได้
เช่น ยุบไทยรักไทยแล้วลงโทษย้อนหลังตัดสิทธิ์ห้าปียังงี้ ตีความแบบครอบจักรวาลว่าทักษิณมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯกรณีที่ดินรัชดางี้ ยึดทรัพย์เพราะออกนโยบายเอื้อต่อธรุกิจงี้ (แต่พอถามว่านโยบายผิดกฎหมายไหม ก็บอกว่าไม่ผิด อ้าว ไม่ผิดแล้วผิดอะไร ผิดใจว่างั้น
)
ทักษิณไม่ใช่เทวดา หรือคนผุดผ่องยองใยจากไหนหรอกครับ เขาก็แค่ "ผลผลิต" ในสังคมธุรกิจการเมืองเรื่องอำนาจผลประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่การจะเอาผิดเขานั้น มันต้องยึดหลักนิติรัฐครับ ไม่ใช่เอาทุกท่าทำทุกทาง หลักยุติธรรมของบ้านเมืองจะเสียหายเท่าไรไม่สนใจ ถือความสะใจเป็นหลัก ถืออำนาจเป็นใหญ่ มันไม่ได้ครับ
วันนี้ บ้านเมืองมันถึงเละไปหมดไงครับ (หลังสุดนี่ ก็มีเรื่องแปลก คือเรื่องจริยธรรมนายกฯ เฮ้อ.. ตั้ง รมต. ไม่ผิดกฎหมายเรื่องคุณสมบัติ ไม่ผิดประมวลจริยธรรมของสำนักนายกฯ แต่ดันอ้างเรื่องจริยธรรมลึก ๆ อะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา ไม่รู้มันลึกแค่ไหน อย่างไร แบบไหน พิลึกสิ้นดี)
กฎหมายถึงก็ถึงครับ ไม่ถึงก็ต้องปล่อย อย่าไปบิดกฎหมาย อย่างไปเบือนเพื่อหมายกด มันเลยเกิดสองมาตรฐานใช่ไหมล่ะครับ
เรื่องนี้คนนี้ผิด แต่คนนี้ไม่ผิด เรื่องนั้นพวกนั้นผิด แต่พวกนี้ไม่ผิด
ถ้าพูดให้ชัดก็คือ พวกเอ็งผิดหมด เรื่องไหนก็ผิด แต่พวกข้าไม่ผิด ขนาดนายกฯรู้คนเดียวยังบอกว่าไม่ผิด ๆ ๆ ๆ ส่วนไอ้คนไม่รู้สองคน ติดคุกอยู่เขมรโน่น 
กระบวนการยุติธรรมประเทศเราในช่วงห้าหกปีมานี่ มันเหมือนนิทานเขาว่าไว้ครับ (ขอยกมาอีกเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ บ่อยคอด ๆ ) ว่าไว้ว่า
ไทยปาหินใส่บ้านเจ๊ก ไม่โดนเด็กไม่โดนใคร แล้วกันไป เจ๊กปาหินใส่บ้านไทย ไม่โดนเด็กไม่โดนใคร แต่ผีเรือนตกใจ ท่านให้ปรับห้าตำลึง
ซึ้งงงงง... ไหมครับ 
เอาเนื้อหา เอาเหตุผล มองเรื่องราวเบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลายให้ครบครับ ค่อยสรุปว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่ใช่ยึดเอาความรู้สึก ความเชื่อ แล้วบอกว่านั้นคือ "ความจริง"
ไม่รู้สึกบ้างเลยหรือครับ ว่าโดน "ปั่น" มากี่เรื่องแล้ว อย่างสองเรื่องหลังสุดใกล้ ๆ นี่ก็เรื่องเหยียบธงชาติ เรื่องแบงค์ห้าสิบบาท
เฮ้อ...
มองบ้านเมืองจากปลายปี 2548 จนถึงวันนี้ดูสิครับ ดูตัวละคร ตัวละครทั้งหน้าฉากหลังฉาก ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ แล้วมองเรื่องราว อย่าแค่รู้สึก และเชื่อเอาง่าย ๆ เท่านั้น
คุณ burapong29 ลองอ่านสองกระทู้นี่ดูสิครับ บางทีอาจทำให้มองเห็นอะไร ๆ ขึ้นมาบ้าง
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11739890/P11739890.html
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11757105/P11757105.html
นะครับ
