ตามที่ได้แจ้งไว้ในกระทู้ข้างล่าง P11810160 แล้วว่า จากการตรวจสอบดูนั้น พบว่าคดีที่ดีเอสไอ ส่งให้ปปช นั้น มีความคืบหน้าไปพอสมควร และอันที่จริงแล้ว มีหนึ่งคดีแล้ว ที่ปปช ตรวจพบว่าไม่มีหลักฐานการทุจริต และมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปแล้ว ตั้งแต่ก่อน 21 ก.ค. 2553 คือคดีปรส ขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล( คลิก ) ซึ่งเป็นคดีที่มีมูลหนี้การซื้อขายสูงสุดในบรรดาคดีที่ส่งฟ้องคือ 115,890.96 ล้านบาท แต่มีความสงสัยกันไปว่าจะไม่ปกติเพราะประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาท ( คลิก ) แต่สุดท้ายก็เป็นแคต่ความสงสัยเข้าใจผิด
การที่ไม่พบการทุจริตในคดีดังกล่าว อาจจะเป็นตัวแสดงว่าจริงๆแล้ว สิ่งที่ประชาชนวิตกังวลว่าจะมีการทุจริต เพราะมูลค่าสินทรัพย์นั้นอ้างว่ามีราคา มูลค่า 851,000 ล้านบาท นั้น (ที่จริงแล้วเป็นมูลค่าจากการปั่นราคาในยุคฟองสบู่) แต่ปรส ประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาทนั้น( ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสาภพเศรษฐกิจ ไม่ใช่การทุจริต) ไม่เป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะคดีที่มีมูลค่าสูงสุดก็ยังไม่พบการทุจริต
ดังที่คุณไปฉี่ได้เทียบให้ดูในกระทู้วันก่อนว่า ( คลิก 1 และ 2 ) ทรัพย์สินในยุคนั้นถึงอย่างไร ก็ไม่มีทางขายได้ราคาดี เพราะเป็นราคาที่ถูกปั่นขึ้นก่อนที่ฟองสบู่จะแตก ดังจะเห็นได้ว่า ทรัพย์สินจากยุคเดียวกัน คือที่ดินที่กองทุนฟื้นฟูซื้อมาในปี 2538 ก่อนฟองสบู่จะแตก เมื่อกองทุนฟื้นฟูนำออกมาขายในเวลาที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในยุคคุณทักษิณแล้ว ก็ยังไม่ได้ราคารดีเลย แทบจะไม่แตกต่างจากยุควิกฤติเศรษฐกิจที่ปรส.ขาย
(กองทุนฟื้นฟู ซื้อที่ดินมาราว 2 พันกว่าล้านบาท แต่มาประมูลขายในยุคคุณทักษิณได้เพียง 7 ร้อยล้าน คิดเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าที่ปรส ทำได้ไม่มากเลย ทั้งที่เศรษฐกิจดีกว่ามาก ไม่ใช่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม 3 และ 4 )
ในเวลานี้ มีการเรียกร้องให้ปปช เร่งคดีปรส ให้ทันก่อนหมดอายุความ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะหากมีผู้กระทำผิด ก็สมควรจะได้รับการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งจากการตรวจเช็คดูพบว่ามีความคืบหน้าในการสอบสวนของปปช ดังต่อไปนี้ ( คลิก ) ซึ่งการจัดหมวดหมู่คดี ไม่ตรงกับที่ลงในข่าวดีเอสไอ เสียทีเดียว น่าจะเป็นเพราะมีการจัดไปตามกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา
เรื่องกล่าวหา เลขาธิการ และคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงิน คือ บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ไทยธนากร จำกัด และบริษัทเงินทุนชาติไพบูลย์ จำกัด โดยมิชอบ รวมทั้งขายทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินให้กับกองทุนรวมไทย รีสตรัคเจอริ่ง และบริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คณะอนุกรรมการไต่สวนสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา
|