Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"แพทยสภา" เสื่อมหนัก ศ.นพ.วิฑูรย์เรียกร้องให้ลาออกทั้งคณะ ติดต่อทีมงาน

เป็นบทความที่ดีมาก ที่ปชช.ทั่วไปควรอ่าน และบุคคลากรทางการแพทย์ทุกคนควรรับรู้เอาไว้ ตีพิมพ์ในมติชนรายวันฉบับวันที่ 14 มี.ค.55 บทความที่แรงมากขนาดนี้แต่กลับไม่พบว่ามีการนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ไทยคลีนิกดอทคอมของแพทย์ และไม่พบว่านสพ.ทั่วไปจะนำไปตีพิมพ์

ภาพอัปลักษณ์ของแพทยสภา

โดย...ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ *อดีตเลขาธิการแพทยสภา พ.ศ. 2515 - 2519* พ.บ., น.บ., Dr.med. มหาวิทยาลัย Bonn ประเทศเยอรมนี  

เมื่อไม่กี่วันมานี้ หนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับรวมทั้งโทรทัศน์บางช่อง รายงานข่าวตรงกันว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติแพทยสภา

ในเนื้อข่าวรายงานตรงกันว่า เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 และคำสั่งแพทยสภาที่ 15/2551 ที่ลงโทษว่ากล่าวตักเตือนแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนผู้หนึ่ง แล้วให้แพทยสภาและคณะกรรมการแพทยสภา ไปดำเนินการพิจารณาและวินิจฉัยความผิดของแพทย์ผู้นั้นใหม่ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับพฤติการณ์ของผู้ถูกลงโทษ

โดยศาลปกครองได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า แพทย์ผู้ถูกกล่าวหา รักษาผู้ป่วยโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทอดทิ้งผู้ป่วยซึ่งอยู่ในภาวะที่พึงได้รับการดูแลจากแพทย์ จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เป็นการไม่รักษามาตรฐานของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในระดับที่ดีที่สุด ตามหมวด 3 ข้อ 1 ของข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทำผิด  
ดังนั้น มติที่ประชุมของคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ที่มีมติว่า แพทย์ผู้ถูกกล่าวหาผู้นั้น กระทำผิดไม่ถึงขั้นประมาเลินเล่ออย่างร้ายแรง ให้ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน และต่อมามีคำสั่งแพทยสภาที่ 15/2551 ตามมติของคณะกรรมการแพทยสภาดังกล่าว  ศาลปกครองกลางจึงพิพากษาว่า ทั้งมติและคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย  (ทั้ง ๆ ที่คณะอนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภา ชุดที่ 2 ได้สอบสวนและรายงานความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ทอดทิ้ง ไม่มาตรวจดูและรักษา เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยด้วยโรคหัวใจของผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังทรุดหนัก จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยรายนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2543)

คณะกรรมการแพทยสภาปัจจุบัน ประกอบด้วยบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีผลประโยชน์ในโรงพยาบาลเอกชนเป็นส่วนใหญ่ ได้พยายามรวมตัวกันที่จะเข้าครอบงำ เป็นเสียงข้างมากในกรรมการแพทยสภา และพยายามหาเสียงเลือกตั้งเป็นกรรมการแพทยสภาจากสมาชิกแพทยสภา โดยอ้างว่ากลุ่มตนจะพยายามรักษาผลประโยชน์ให้แก่สมาชิก จนได้รับเลือกตั้งเข้าไปเป็นกรรมการแพทยสภาติดต่อกันหลายสมัย  คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่เป็นข่าวนี้ ได้เปิดโปงมาตรฐานการทำงานของคนกลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจน  นอกจากนั้น ถ้าใครได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7634/2554 ลงวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554 คดีแพ่งระหว่าง นายบุรินทร์ เสรีโยธิน สามีผู้ตาย และบุตรผู้ตายอีก 4 คน รวมทั้งบิดา มารดาผู้ตาย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทสมิติเวชจำกัด (มหาชน) ร่วมกับ แพทย์อีก 3 คน เป็นจำเลยโดยละเอียดแล้ว จะเห็นว่า ศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นว่า

"มติของแพทยสภามิใช่กฎหมาย และไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติว่า มติของแพทยสภามีผลผูกพันคู่ความ และศาลจะต้องรับฟังมติของแพทยสภาในการพิจารณาพิพากษาคดี  ถ้าศาลเห็นว่า มติของแพทยสภาถูกต้องและเป็นธรรม ก็จะนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานของจำเลยได้"

แต่มติของแพทยสภาเกี่ยวกับเรื่องนี้มีข้อสงสัยว่า จะถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่ ฯลฯ  จากนั้นในคำพิพากษาก็ได้วิเคราะห์ความเป็นมาต่าง ๆ ของมติของแพทยสภาที่โจทก์อ้างเป็นพยานอย่างละเอียดถึง 8 หน้ากระดาษพิมพ์ แล้วสรุปว่า มติของกรรมการแพทยสภาเกี่ยวกับเรื่องการกระทำของจำเลย (ที่ 3 และที่ 4) ไม่มีความผิด มิใช่เป็นเสียงเอกฉันท์ ประกอบกัการพิจารณาของแพทยสภา มีปัญหาโต้เถียงกันมากว่า มติของแพทยสภาดังกล่าว ถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่  ศาลเพียงแต่นำมารับฟังประกอบการพิจารณาเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องถือตามมติของแพทยสภา ดังได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น และคำพิพากษาสรุปว่า จำเลย (ที่ 3 และที่ 4) กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย  จำเลย (ที่ 3 และที่ 4) จึงต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ (ที่หนึ่ง ถึง ที่แปด)

จากคดีทั้ง 2 ที่ยกมาเป็นอุทธาหรณ์ให้ผู้อ่านได้วิเคราะห์ถึงผลงานของกรรมการแพทยสภากลุ่มหนึ่ง ที่ยึดกุมทิศทางการทำงานของแพทยสภามาอย่างยาวนานนั้น  บุคคลกลุ่มนี้ต้องถือว่าได้ทำลายภาพลักษณ์ของแพทยสภาลงไป จนไม่เหลืออดีตที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนเลยแม้แต่น้อย  ผมจึงขอเรียกร้องให้กรรมแพทยสภาทั้งชุดที่มาจากการเลือกตั้งในปัจจุบัน ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ และไม่ควรลงรับสมัครเป็นกรรมการแพทยสภาต่อไปอีก

ที่เขียนบทความนี้เผยแพร่ เพราะต้องการให้สมาชิกแพทยสภาทั้งหลายที่ยังมัวหลับใหลอยู่ น่าจะตื่นตัว ตื่นใจ ใช้สติปัญญา ไตร่ตรองในเรื่องนี้ให้จงหนัก  มิฉะนั้น ในอนาคตอันใกล้วงการแพทย์โดยรวม จะสูญเสียความเชื่อถือจากสาธารณชน จนยากที่จะเรียกศรัทธาคืนมาได้อีก

ก่อนจบบทความนี้ ผมอยากจะเตือนว่า โรงพยาบาลและแพทย์ที่เกี่ยวข้องในคดีที่ศาลปกครองกลางวินิจฉัยข้างต้นนี้ อาจจะต้องรับชะตากรรมไม่ต่างไปจากโรงพยาบาลและแพทย์ในคดีที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว ที่ผมอ้างถึงในบทความนี้ด้วย (จบ)

จากคุณ : ไม้ซีก
เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 15:16:34 A:58.9.48.144 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com