คงจะได้ยินฟังกันแล้วนะครับ สำหรับคนที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการ หลังจากป่วยไป 2 ปีกว่าๆ ออกมาพูดแต่ละที ภาพที่สะท้อนออกมา บ่งบอกตัวของตนได้อย่างชัดเจนที่สุด ในส่วนตัวแล้ว ผมเปลี่ยนชองทีวีทันทีที่หมอนี่ออกมาพูด เพราะเดาได้ว่าจะพูดแนวไหน กระทบชิ่งถึงใคร วนๆเวียนๆอยู่ที่ใคร ไม่เคยจะหลุดพ้นไปได้ แต่ถึงแม้จะไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรับรู้ข่าวสารผ่านสื่อต่างๆจนได้ ถึงได้เห็นมุมมองที่ออกมาประกาศว่าทักษิณก็แค่นักการตลาด อาจจะหมายเลยไปถึงบรรดาคนที่ชื่นชอบทักษิณ มันก็แค่คนรากหญ้า หลงไหลในการโฆษณา ไร้สมองวิเคราะห์ไตร่ตรองถึงแก่นแท้ตัวตนของทักษิณ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วเขาคิดถึงทักษิณที่ผลงานของเขา เขาคิดถึงหลักประกันเวลาเจ็บไข้ เขาคิดถึงความเฉียบขาดในการปราบยาบ้า เขาคิดถึงหวยรัฐใบละแปดสิบ และเขาคิดถึงลูกหลานที่ได้ไปเรียนเมืองนอก
ถ้าทักษิณเป็นนักการตลาด ความสามารถก็คงไม่แพ้เจ้าพ่อกระทิงแดงเป็นแน่แท้ ที่สร้างฐานะรวยติดอันดับโลกได้ด้วยสองมือตน ไม่ต้องพึ่งพาใคร คำว่าทักษิณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดังมาจากปากใครมากกว่ากันระหว่าง คนรัก กับหมู่อำมาตย์ที่จงชัง คงต้องยอมรับกันแล้วว่าถ้าทักษิณขายได้ ก็ขายดีมากเช่นกันในกลุ่มอำนาจเก่า เพราะวันๆไม่เคยจะก้าวข้ามทักษิณไปได้เลย ยอมรับมาเถอะว่าพวกสูก็หลงไหลการตลาดของทักษิณเช่นกัน
และหากทักษิณเป็นนักการตลาดแล้วล่ะก็ คนวิจารณ์ก็น่าจะมีสภาพเพียงวณิพกพเนจร เที่ยวเร่ร่อนร้องปาวๆขอทานทรัพย์เลี้ยงชีพไปวันๆ วันไหนมีกินมีคนโปรยเศษอาหารให้พออิ่มก็นอนหลับไหลไม่ร้องเพลง แต่ถ้าช่วงไหนอดๆอยากๆ ก็ต้องออกมาแหกปากร้องลิเก ลำตัดไปตามเพลง หวังให้ผู้คนจะยังนึกถึงได้ว่า ยังมีขอทานอยู่ตรงนี้อีกคน และถ้าเป็นขอทานจริงๆแล้ว อย่าลืมบริจาคทำบุญทานบ้างนะ ไม่งั้น อายลุงเอี่ยมแกนะจะบอกให้